การสอบ TOEIC (Test of English for International Communication) เป็นข้อสอบมาตรฐานระดับสากลที่ใช้วัดทักษะภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจ โดยได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั่วโลก ซึ่งผลคะแนน TOEIC นั้นมีความสำคัญต่อการพิจารณารับสมัครงาน การปรับเงินเดือน การเลื่อนตำแหน่ง และการคัดเลือกเพื่อไปอบรมสัมมนาต่างประเทศ
รูปแบบการสอบ TOEIC
การสอบ TOEIC ปัจจุบันใช้รูปแบบที่เรียกว่า “Redesigned TOEIC” โดยแบ่งการสอบเป็น 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนการฟัง (Listening Comprehension) และส่วนการอ่าน (Reading Comprehension) รวมทั้งหมด 200 ข้อ ใช้เวลาสอบ 2 ชั่วโมง
ส่วนการฟัง (Listening Comprehension)
ส่วนการฟัง ประกอบด้วย 4 Part ดังนี้:
- Part 1: Photographs (6 ข้อ)
- Part 2: Question-Response (25 ข้อ)
- Part 3: Conversations (39 ข้อ)
- Part 4: Short Talks (30 ข้อ)
ส่วนการอ่าน (Reading Comprehension)
ส่วนการอ่าน ประกอบด้วย 3 Part ดังนี้:
- Part 5: Incomplete Sentences (30 ข้อ)
- Part 6: Text Completion (16 ข้อ)
- Part 7: Reading Comprehension (54 ข้อ)
การสมัครสอบ TOEIC
ผู้สมัครสอบ TOEIC สามารถสำรองที่นั่งสอบล่วงหน้าทางโทรศัพท์หรืออีเมล์ โดยต้องเตรียมค่าสอบ 1,800 บาท และรูปถ่าย 1 นิ้ว หรือ 2 นิ้ว ซึ่งสามารถสอบได้ทุกวัน (ยกเว้นวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ในช่วงเวลา 9.00-12.00 น. และ 13.00-16.00 น.
ความสำคัญของคะแนน TOEIC
คะแนน TOEIC มีความสำคัญมากในการประเมินทักษะภาษาอังกฤษ โดยคะแนนมาตรฐานที่หลายองค์กรต้องการอยู่ที่ 550 คะแนนขึ้นไป อย่างไรก็ตาม คะแนน 600 คะแนนขึ้นไปจะทำให้ผู้สอบรู้สึกสบายใจมากขึ้น เนื่องจากเป็นคะแนนที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
ข้อควรระวังในการสอบ TOEIC
ผู้เข้าสอบ TOEIC ควรทราบข้อปฏิบัติที่สำคัญ เช่น ห้ามนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเอกสารต่างๆ เข้าห้องสอบ และต้องคืนข้อสอบและกระดาษคำตอบเมื่อสอบเสร็จ
สรุป
การสอบ TOEIC เป็นข้อสอบมาตรฐานระดับสากลที่มีความสำคัญต่อการประเมินทักษะภาษาอังกฤษในบริบทธุรกิจ ดังนั้น การเตรียมตัวสอบอย่างรอบคอบและการปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้ผู้สอบประสบความสำเร็จในการสอบ TOEIC