ความหมายของกฎของลูกเสือ
ความหมายของกฎของลูกเสือ
ข้อ 1 “ลูกเสือมีเกียรติเชื่อถือได้”
คนที่มีเกียรติย่อมเป็นคนมีชื่อเสียง ได้รับความยกย่องนับถือและเป็นคนเชื่อถือได้เมื่อเป็นคนมีเกียรติจะต้องรักษาเกียรติของตนโดยทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับผู้อื่น เมื่อได้รับมอบหมายงาน จะต้องตั้งใจทำงานนั้นให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่หลีกเลี่ยงงาน ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง ถ้าลูกเสือปฏิบัติดังที่กล่าวมาแล้ว ลูกเสือจะเป็นผู้มีเกียรติเชื่อถือได้
ข้อ 2 “ลูกเสือมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และซื่อตรงต่อผู้มีพระคุณ”
สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันสูงสุดของประเทศ มีความสำคัญต่อคนไทยทุกคน ลูกเสือจะต้องมีความจงรักภักดีต่อสถาบันทั้ง 3 โดยลูกเสือต้องเป็นพลเมืองดีของประเทศ และอาจรับใช้ชาติโดยสมัครเป็นทหาร ลูกเสือจะต้องประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา โดยทำความดี ละเว้นการทำความชั่ว เคารพและเทิดทูนพระมหากษัตริย์อย่างจริงใจ นอกจากนี้ ลูกเสือจะต้องกตัญญูรู้คุณ และซื่อตรงต่อผู้มีพระคุณ เช่น บิดามารดา ญาติผู้ใหญ่และครูอาจารย์ เป็นต้น โดยการทำประโยชน์ให้แก่ท่านเมื่อมีโอกาส
ข้อ 3 “ลูกเสือมีหน้าที่กระทำตนให้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือผู้อื่น”
หน้าที่เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทำให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีลูกเสือจะต้องทำหน้าที่ของตนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนและควรกระทำทุกครั้งที่มีโอกาส การทำตนให้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือผู้อื่น ควรเริ่มตั้งแต่ในครอบครัว ลูกเสือต้องช่วยงานบ้าน ต่อมา ควรช่วยเหลืองานของโรงเรียนและสุดท้ายควรช่วยเหลืองานของชุมชน หรือสังคม เช่น ทำความสะอาดถนน พัฒนาโรงเรียน พาเด็กข้ามถนน เป็นต้น เมื่อลูกเสือปฏิบัติหน้าที่แล้วแม้จะไม่ได้รับสิ่งตอบแทน แต่ก็ทำให้มีความภาคภูมิใจในผลงานของตนเอง ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ปฏิบัติหน้าที่นี้ต่อไป
ข้อ 4 “ลูกเสือเป็นมิตรของคนทุกคนและเป็นพี่น้องกับลูกเสืออื่นทั่วโลก”
ในชีวิตประจำวัน ลูกเสือจะได้พบปะกับบุคคลต่าง ๆ ซึ่งลูกเสือควรเป็นมิตรกับบุคคลเหล่านั้นโดยการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โอบอ้อมอารี มีใจเมตตากรุณาต่อผู้อื่น เมื่อกระทำดังนั้น บุคคลต่างๆ ก็จะเป็นมิตรกับลูกเสือด้วย สมาชิกลูกเสือมีอยู่ทั่วโลกเป็นจำนวนมาก ถึงแม้จะมีเชื้อชาติศาสนาต่างกัน ก็ถือว่าเป็นพี่น้องกัน
ข้อ 5 “ลูกเสือเป็นผู้สุภาพเรียบร้อย”
ความสุภาพเรียบร้อยเป็นคุณสมบัติของผู้ดี ลูกเสือควรแสดงกิริยาท่าทางอย่างสุภาพ อ่อนโยน มีสัมมาคารวะ ไม่พูดจาหยาบคาย แต่งกายอย่างเรียบร้อยถูกระเบียบของโรงเรียน
ข้อ 6 “ลูกเสือมีความเมตตากรุณาต่อสัตว์”
สัตว์เป็นสิ่งมีชีวิต เช่นเดียวกับคนและมีประโยชน์แก่คน เช่น สุนัขช่วยเฝ้าบ้านแมวช่วยจับหนู นกให้ความเพลิดเพลิน เป็นต้น ดังนั้น ลูกเสือจึงควรมีความเมตตากรุณาแก่สัตว์ไม่รังแกหรือทรมานสัตว์ ควรให้อาหารแก่สัตว์ ควรให้อาหารแก่สัตว์ที่หิวโหย รักษาบาดแผลของสัตว์ตามความสามารถของตน
ข้อ 7 “ลูกเสือเชื่อฟังคำสั่งของบิดามารดา และผู้บังคับบัญชาด้วยความเคารพ”
บิดามารดาเป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเราจนเติบโต มีประสบการณ์มากกว่าเรา เมื่อท่านสั่งสอนสิ่งใดก็ตาม เราควรเชื่อฟังและปฏิบัติตาม จึงจะได้ชื่อเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ สำหรับผู้บังคับบัญชา เป็นผู้สั่งสอนให้ความรู้แก่ลูกเสือ ลูกเสือควรเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งเช่นเดียวกัน นอกจากเชื่อฟังคำสั่งแล้ว ลูกเสือต้องให้ความเคารพแก่บิดา มารดา และผู้บังคับบัญชาด้วย
ข้อ 8 “ลูกเสือมีใจร่าเริงและไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก”
คนที่หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดีเป็นผู้มีสุขภาพจิตดี ใคร ๆ ก็อยากพูดคุยด้วยลูกเสือจึงควรทำจิตใจให้ร่าเริง สดชื่นอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าอาจจะมีปัญหารบกวนจิตใจก็ไม่ควรแสดงอาการท้อแท้ เบื่อหน่าย ควรหาทางแก้ไขปัญหาให้ได้โดยไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก
ข้อ 9 “ลูกเสือเป็นผู้มัธยัสถ์”
ลูกเสือได้เงินค่าใช้จ่ายจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครองซึ่งหาเงินมาด้วยความยากลำบาก ลูกเสือจึงต้องช่วยเหลือท่านโดยการใช้เงินอย่างประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย ซื้อสิ่งของที่จำเป็นเงินที่เหลือจากการใช้จ่ายควรเก็บสะสมไว้ในยามที่จำเป็น เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของบิดามารดาด้วย
ข้อ 10 “ลูกเสือประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ”
ลูกเสือเป็นผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นคนดี จึงควรประพฤติตนเป็นคนดีทั้งกาย วาจา และใจ โดยการทำความดี พูดจาดี ไม่ใช้วาจาหยาบคาย คิดแต่สิ่งดีและเป็นมงคลแก่ตนการประพฤติดังกล่าวจะช่วยให้ลูกเสือเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์
คำปฏิญาณและกฎของลูกเสือเป็นข้อปฏิบัติที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาเยาวชนเพราะช่วยให้เยาวชนเป็นคนดีและมีคุณภาพ ตามที่ชาติและสังคมต้องการ เยาวชนเหล่านี้จะช่วยสร้างสรรค์สังคมและประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไป ดังนั้น ลูกเสือสามัญทุกคนจะต้องท่องจำคำปฏิญาณและกฎของลูกเสือได้อย่างแม่นยำแล้วนำไปประพฤติปฏิบัติอย่างจริงจัง