
ปิดการใช้งานที่ไม่จำเป็น
1. คลิ้กที่ Start แล้วเลือก Run จะปรากฏหน้าต่างใหม่ขึ้นมา จากนั้นให้พิมพ์ msconfig ลงในช่องว่าง แล้วคลิ้ก OK
2. จากนั้นจะขึ้นหน้าต่าง System Configuration Utility ซึ่งเป็น Utility สำหรับปรับแต่งค่า ต่าง ๆ ของ Windows
3. ต่อไปให้เลือก Tab Service เพื่อเลือกปิด Service ที่ไม่ได้ใช้งาน โดยคลิ้กถูกที่ช่อง Hide All Microsoft Service เพื่อป้องกันไม่ให้เผลอไปปิด Service ของ Windows จากนั้นก็คลิ้กเอาเครื่องหมายถูกหน้า Service ที่ไม่ได้ใช้งานออก
4. จากนั้นเลือก Tab Startup เพื่อเลือกปิดโปรแกรมที่ทำงานตอนเริ่ม Windows โดยคลิ้กเอาเครื่องหมายถูกหน้าชื่อโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้งานออก แล้วคลิ้ก Ok แล้วเลือกให้ Windows Restart ทันทีหรือ จะ Restart ในภายหลังก็ได้
5. เมื่อปิดการใช้งานที่ไม่จะเป็นแล้ว เวลา Boot ครั้งต่อไปจะมีหน้าต่างแจ้งเตือนว่าได้มีการปิดการใช้งานขึ้นมา ถ้าหากไม่ต้องการให้ข้อความนี้ขึ้นทุกครั้งที่ Boot เครื่อง ให้คลิ้กถูกแล้วค่อยกด OK ดังรูป
หมายเหตุ ! หากเกิดความผิดพลาด โดยไปปิดการใช้งานที่จำเป็น ก็สามารถเปิดกลับคืนได้ด้วยวิธีเดียวกัน โดยคลิ้กถูกหน้าโปรแกรม หรือ Service ที่ปิดผิดไป
ปิดโปรแกรมต่างๆ ที่รันขึ้นมาเองตอนเปิดเครื่อง
ตอนที่เราทำการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ระบบจะทำการบู๊ตเครืองเข้า Windows ครั้งแรกนั้น ไม่ใช่มีแต่เฉพาะระบบปฏิบัติการที่เปิดตัวเองขึ้นมา แต่ยังรวมถึงซอฟท์แวร์ต่างๆ จำพวกไดรเวอร์หรือยูทิลิตี้ต่างๆ ที่บางครั้งเราไม่เคยใช้เลย แต่กลับดึงทรัพยากรจากแรมไปมาก และทำให้เครื่องพร้อมใช้งานได้ช้าลงด้วย เข้าไปปิดซอฟท์แวร์รู้ดีจำพวกนี้เสียด้วยการเข้าไปที่ search ตรง start menu แล้วพิมพ์คำว่า msconfig แล้วไปที่แท็บ Startup ตามภาพ ในหน้าจอนี้จะปรากฏรายชื่อโปรแกรมที่เปิดตัวเองโดยอัตโนมัติพร้อมกับ Windows ยาวเป็นหางว่าว ก็ดูจากรายชื่อได้เลยครับว่ามีโปรแกรมไหนบ้างที่เราไม่ใช้ก็ให้ทำเครื่องหมายถูกออกซะ เสร็จแล้วก็กด OK แล้วรีสตาร์ทเครื่องใหม่ก็เรียบร้อย

ปิดการทำงานฮาร์ดแวร์ที่ไม่ได้ใช้
ระบบปฏิบัติการ มักจะเปิดตัวเองพร้อมกับไดรเวอร์ของอุปกรณ์ต่างๆ ที่บางครั้งเราไม่เคยใช้ ทำให้หน่วงเวลาเปิดเครื่องไปมาก วิธีการคือเข้าไปที่ Device Manger ใน Control Panel จากนั้นให้มองหาฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์ใดๆ ที่เรามักไม่ใช้งานแล้วให้คลิ้กขวาเลือก Disable เสีย แต่ขอให้กระทำด้วยความระมัดระวังนะครับ

ซ่อนฟอนต์ที่ไม่ต้องการ
ฟอนต์ก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่ทำให้เครื่องเราบู๊ตช้าลงด้วยไม่มากก็น้อย เพราะลำพัง Windows อย่างเดียวก็โหลดฟอนต์ถึง 200 ชนิดแล้วตอนเปิดเครื่องขึ้นมา และจะมากกว่านั้นเมื่อเราติดตั้งโปรแกรมอย่าง Office เข้าไป ซึ่งในความเป็นจริงเราอาจไม่ได้ใช้มากมายขนาดนั้น ทางแก้ไขคือเข้าไปซ่อนฟอน์ต่างๆ ที่เราไม่ได้ใช้งานเพื่อป้องกันไม่ให้ไปถ่วงเวลาบู๊ตเครื่อง วิธีการคือให้เข้าไปที่ส่วนของ Fonts ใน Control Panel จากนั้นให้เลือกฟอนต์ที่เราไม่ต้องการใช้งานแล้วกด Hide บนทูลบาร์ตามภาพ วิธีการนี้จะไม่ใช่เป็นการลบฟอนต์ทิ้ง แต่จะเหมือนกับซ่อนเอาไว้ไม่ให้ Windows โหลดขึ้นมาทุกครั้งที่เปิดเครื่องครับ ทำให้พอต้องการใช้งานอีกครั้งก็สามารถเรียกคืนมาได้ทุกเวลา แต่มีข้อแม้ว่าอาจต้องซ่อนฟอนต์เป็นร้อยๆ ชนิดขึ้นไปเท่านั้นนะครับถึงจะเห็นผล

ลบไฟลในถังขยะและโฟลเดอร์ Temp
อีกหนึ่งในวิธีการโบราณที่ยังคงใช้ได้อยู่จนถึงปัจจุบัน แต่กลับถูกมองข้ามจากหลายคน ตามปกติแล้วเวลาเราใช้งานอินเตอร์เน็ตทั่วๆ ไป เบราเซอร์มักจะเก็บไฟล์ต่างๆ ที่ได้จากเว็บไว้เพื่อให้เวลาเราเข้าสู่เว็บครั้งต่อไปสามารถทำได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น แต่ก็ทำให้เครื่องของเราหนักขึ้นไปโดยไม่รู้ตัว รวมทั้งไฟล์่ต่างๆ ในถังขยะด้วยที่บางครั้งเราอาจรีบมากจนลืมลบไฟล์ในนั้นทิ้ง วิธีการลบไฟล์ในโฟลเดอร์ทิ้งก็คือไปที่ C:/windows/temp แล้วลบสารพันไฟล์ขยะในนั้นทิ้งได้เลย ส่วนในถังขยะก็คงไม่ต้องบอก แต่ที่สำคัญคือแนะนำให้ Defrag ฮาร์ดดิกส์อย่างน้อยสามเดือนครั้ง เพราะจะช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลโดยระบบทำได้รวดเร็วขึ้น เพราะไฟล์ต่างๆ ถูกจัดเรียงให้เป็นระเบียบมากกว่าเดิม วิธีการคือใน My Computer ให้คลิ้กขวาเลือกฮาร์ดดิสก์ลูกที่เราใช้บู๊ตเครื่อง จากนั้นเลือก Tools แล้วกด Defrag ซะ สำหรับระยะเวลานั้นก็จะแปรผันตรงกับขนาดของฮาร์ดดิสก์และปริมาณไฟล์ ยิ่งเยอะก็ยิ่งใช้เวลานานขึ้น