Placemaking คือศิลปะของเมือง ที่สร้างชีวิตให้พื้นที่ Placemaking คือศิลปะของเมือง ที่สร้างชีวิตให้พื้นที่

Placemaking คือศิลปะของเมือง ที่สร้างชีวิตให้พื้นที่

มีบางสถานที่ ที่เราแค่นั่งเฉยๆ ก็รู้สึกว่ามัน “ใช่” บ้างไหม ?

อาจเป็นลานโล่งกลางเมือง ที่ลมพัดพาเสียงดนตรีจากมุมเล็กๆ มาแตะหู หรืออาจเป็นทางเดินใต้เงาต้นไม้ใหญ่ ที่คนหลากหลายรุ่นกำลังใช้งานในแบบของตัวเอง ความรู้สึกเหล่านี้ ไม่ได้เกิดจากฟังก์ชันล้วนๆ แต่อยู่ที่การออกแบบด้วยหัวใจ—ซึ่งแนวคิดเบื้องหลังเรียกว่า Placemaking

หลายปีมานี้ คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเจน Y และเจน Z ต่างหันมาสนใจคุณภาพชีวิตในเมืองมากขึ้น ไม่ใช่แค่มีที่อยู่อาศัยที่ดี แต่ต้องการพื้นที่ที่ “ใช้ได้จริง” และ “รู้สึกดี” ไปพร้อมกัน และนี่คือเหตุผลว่าทำไมคำว่า Placemaking คือคำที่เริ่มปรากฏบ่อยขึ้นในบทสนทนาของคนรุ่นใหม่ทั่วโลก

Placemaking

1. Placemaking คือการสร้าง “สถานที่มีชีวิต” ไม่ใช่แค่สิ่งปลูกสร้าง

ต่างจากการพัฒนาอสังหาฯ ทั่วไปที่เน้นพื้นที่ใช้สอยหรือมูลค่า Placemaking มองลึกกว่านั้น มันคือการออกแบบพื้นที่ให้มีบทสนทนากับผู้คน มีเรื่องราว มีการใช้งานจริงจากชีวิตจริง

ลองจินตนาการพื้นที่สาธารณะในย่านใจกลางเมือง ที่มีทั้งคนพาสุนัขมาเดินเล่น แม่ลูกนั่งอ่านนิทานบนสนามหญ้า และวัยรุ่นนั่งเล่นดนตรีในมุมที่แสงเย็นพอดี ทั้งหมดนี้คือผลลัพธ์ของการวางแผนอย่างเข้าใจจิตวิทยาพื้นที่

2. สะท้อนอัตลักษณ์ของชุมชน ผ่านงานดีไซน์ที่มีหัวใจ

Placemaking คือการออกแบบที่ “ฟัง” พื้นที่ มากกว่าแค่ “ใส่” อะไรลงไป เพราะการสร้างพื้นที่ที่ดีไม่จำเป็นต้องใหม่เอี่ยมเสมอไป แต่ควรถักทอเรื่องราวดั้งเดิมของชุมชนเข้ากับความต้องการของผู้คนปัจจุบัน เช่น การนำสีน้ำตาลอิฐของอาคารเก่ามาแมตช์กับเฟอร์นิเจอร์ไม้ หรือการตั้งคาเฟ่เล็กๆ ใต้ต้นไม้เดิมที่คนเคยใช้เป็นที่นั่งคุยกันตั้งแต่รุ่นพ่อแม่

3. ให้คนอยาก “อยู่” ไม่ใช่แค่ “ผ่าน”

จุดต่างสำคัญที่บอกได้ทันทีว่าแนวคิด Placemaking คือสิ่งที่ใช้ได้จริงหรือไม่ นั้นคือ “เวลา” ถ้าพื้นที่แห่งนั้นทำให้คนอยากอยู่ อยากใช้เวลา แม้ไม่มีธุระ นั่นคือความสำเร็จของการออกแบบ

พื้นที่อย่างสวนลอยฟ้า ลานกิจกรรมกลางแจ้ง หรือแม้แต่สเต็ปเล็กๆ ริมอาคารที่ถูกออกแบบมาให้นั่งได้ ล้วนเป็นจุดที่ปลุกชีวิตให้กับเมือง เพราะคนไม่ใช่แค่ผ่าน แต่เลือกจะหยุดอยู่

4. เมืองที่ดี เริ่มจากพื้นที่เล็กที่ออกแบบอย่างเข้าใจ

Placemaking คือแรงผลักดันให้เมืองเปลี่ยนจาก “โครงสร้าง” เป็น “ประสบการณ์” และไม่จำเป็นต้องเริ่มจากโปรเจกต์ใหญ่โตเสมอไป

การมีทางเท้าที่ชวนเดิน การเปิดพื้นที่สำหรับกิจกรรมย่อย หรือแค่การจัดแสงไฟให้นุ่มลงในย่านร้านค้า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการใส่จิตวิญญาณให้กับพื้นที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนเมืองวันนี้โหยหามากกว่าความทันสมัย

5. พลเมืองที่มีพลัง คือส่วนหนึ่งของ Placemaking

หัวใจสำคัญของแนวคิดนี้ คือการดึง “ผู้ใช้งานจริง” เข้ามามีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน มนุษย์ออฟฟิศ หรือแม่ค้าในตลาดเก่า การรับฟังเสียงของชุมชนทำให้พื้นที่ไม่หลุดออกจากชีวิตประจำวัน และสร้างความรู้สึกร่วมเป็นเจ้าของ

ในมุมนี้ Placemaking คือเครื่องมือที่สร้างได้ทั้งสเปซและความสัมพันธ์ ทั้งในระดับบุคคลและสังคม

เมืองในฝันไม่ต้องใหญ่โตเวอร์วัง แต่อาจเป็นแค่เมืองที่เรารู้สึกว่า “อยากใช้ชีวิตอยู่ในนั้น” อย่างแท้จริง และแนวคิด Placemaking คือคำตอบที่เชื่อมโยงดีไซน์เข้ากับหัวใจของคน 

เพราะที่สุดแล้ว เมืองจะน่าอยู่หรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีอะไรให้ดู แต่ขึ้นอยู่กับว่า…เราอยากอยู่อย่างไรต่างหาก

ชุดข้าราชการ หญิงแขนสั้น
ชุดกากี
สั่งซื้อได้เลยจาก Shopee

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *