วันมาฆบูชา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ตามปฏิทินจันทรคติไทย หากปีใดมีเดือนอธิกมาส วันมาฆบูชาจะเลื่อนเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 แทน ในปี 2568 วันมาฆบูชาตรงกับวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการและวันหยุดธนาคาร วันมาฆบูชานี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง โอวาทปาติโมกข์ ซึ่งเป็นหลักคำสอนสำคัญแก่พระภิกษุจำนวน 1,250 รูป ณ เวฬุวันวิหาร เมืองราชคฤห์ ประเทศอินเดีย โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นพร้อมกันอย่างอัศจรรย์ โดยไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า
ความหมายของคำว่า “มาฆบูชา”
คำว่า “มาฆะ” หมายถึง เดือน 3 ในปฏิทินจันทรคติของอินเดีย ส่วนคำว่า “บูชา” หมายถึง การบูชาสักการะ ดังนั้น มาฆบูชา จึงแปลว่า การบูชาในวันเพ็ญเดือนมาฆะ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญในพระพุทธศาสนา โดยชาวพุทธมักจะปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาในวันนี้ เช่น การทำบุญ ตักบาตร ฟังธรรมเทศนา และเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ เพื่อรำลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า
ความสำคัญของวันมาฆบูชา
วันมาฆบูชามีความสำคัญเพราะเกิดเหตุการณ์สำคัญที่เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต หรือการประชุมพร้อมกันด้วยองค์ 4 ประการ ได้แก่
- เป็นวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 พระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
- มีพระภิกษุ 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
- พระภิกษุทั้งหมด เป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา 6
- พระภิกษุทั้งหมด ได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือที่เรียกว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทา
เหตุการณ์นี้จึงเป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาติโมกข์ ซึ่งสรุปแนวทางการดำเนินชีวิตในพระพุทธศาสนาไว้ 3 ข้อหลัก ได้แก่
- การทำความดี
- การละเว้นความชั่ว
- การทำจิตใจให้บริสุทธิ์
กิจกรรมที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา
ในวันมาฆบูชา พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติกิจกรรมดังนี้
- ทำบุญตักบาตร เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ
- ฟังธรรมเทศนา เพื่อเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจในหลักธรรมคำสอน
- เวียนเทียน รอบพระอุโบสถ โดยระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
- บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เช่น การช่วยเหลือสังคม ทำความสะอาดวัด หรือปลูกต้นไม้
สรุป
วันมาฆบูชาเป็นวันสำคัญที่ช่วยเตือนใจให้พุทธศาสนิกชนได้รำลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ผ่านการปฏิบัติธรรม ทำบุญ และเวียนเทียน เพื่อสืบทอดประเพณีอันดีงามของพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ต่อไป
แหล่งที่มา: สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ, กระทรวงวัฒนธรรม