ปัจจุบัน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้เข้ามามีบทบาทในหลากหลายภาคส่วน รวมถึงวงการวิทยาศาสตร์ ซึ่งก่อให้เกิดความวุ่นวายในการมอบรางวัลโนเบลสาขาเคมีและฟิสิกส์ เนื่องจากมีการใช้เอไอในการค้นพบผลงานวิจัย ส่งผลให้เกิดข้อถกเถียงในชุมชนนักวิทยาศาสตร์ ทั้งในแง่ของความเป็นธรรมและความสำคัญของเอไอต่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
เอไอสร้างความวุ่นวายในการมอบรางวัลโนเบล
ในปีล่าสุด การมอบรางวัลโนเบลสาขาเคมีและฟิสิกส์ดูเหมือนจะเกิดดราม่า เนื่องจากผลงานที่ได้รับการตัดสินนั้นผ่านการคิดค้นด้วยAI ในสาขาเคมี เป็นการทำนายโครงสร้างโปรตีนที่สามารถระบุได้มากกว่า 200 ล้านโปรตีน ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจในวงการเคมี ที่ให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการค้นพบ ส่วนในสาขาฟิสิกส์ ผู้ได้รับรางวัลคือนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ซึ่งมีทุนสนับสนุนมหาศาล ทำให้เกิดคำถามว่าเพราะมีเงินทุนมากกว่า จึงทำให้การค้นคว้าง่ายกว่านักวิทยาศาสตร์แบบดั้งเดิม
เอไอขยายขีดความสามารถของนักวิทยาศาสตร์
อย่างไรก็ตาม ดร. สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบัน TDRI มองว่า การใช้เอไอในวงการวิทยาศาสตร์นั้นเป็นสัญญาณบอกว่ากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ โดยเอไอสามารถช่วยขยายขีดความสามารถของนักวิทยาศาสตร์ในหลายด้าน เช่น
- การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่คนไม่สามารถทำได้ ทำให้เกิดการค้นพบใหม่ๆ เช่น อนุภาคพระเจ้า ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะจักรวาล และภาษาสัตว์
- การตั้งข้อสันนิษฐานใหม่ๆ ผ่านการเชื่อมโยงความรู้ข้ามศาสตร์ที่ไม่เคยเชื่อมกันมาก่อน เช่น การค้นพบว่าน้ำมันปลาสามารถรักษาโรคเรเนาด์ได้
- การทดลองอย่างรวดเร็วและปราศจากอคติ ทำให้กระบวนการค้นพบทางวิทยาศาสตร์มีความก้าวหน้ามากขึ้น
ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์ไทยจึงควรศึกษาและใช้ประโยชน์จากเอไอเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก
เอไอได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในวงการวิทยาศาสตร์ ส่งผลให้เกิดความวุ่นวายในการมอบรางวัลโนเบล แต่ในขณะเดียวกัน ก็สามารถขยายขีดความสามารถของนักวิทยาศาสตร์ในหลายด้าน ทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ การตั้งข้อสันนิษฐาน และการทดลองอย่างรวดเร็วและปราศจากอคติ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้กระบวนการค้นพบทางวิทยาศาสตร์มีความก้าวหน้ามากขึ้น นักวิทยาศาสตร์ไทยจึงควรศึกษาและเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากเอไอ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก