เฉลยข้อสอบใบขับขี่ 2568 จำนวน 50 ข้อ เรื่อง เทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย เฉลยข้อสอบใบขับขี่ 2568 จำนวน 50 ข้อ เรื่อง เทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย

เฉลยข้อสอบใบขับขี่ 2568 จำนวน 50 ข้อ เรื่อง เทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย

เฉลยข้อสอบใบขับขี่ 2568 จำนวน 50 ข้อ เรื่อง เทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย
เฉลยข้อสอบใบขับขี่ 2568 จำนวน 50 ข้อ เรื่อง เทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย

เฉลยข้อสอบใบขับขี่ล่าสุด หมวดเทคนิคการขับรถอย่างปลอดภัย พร้อมคำอธิบาย ช่วยให้คุณเข้าใจและสอบผ่านได้แน่นอน

ข้อสอบและเฉลย 10 ข้อแรก

  1. การขับรถขณะฝนตก ข้อใดที่ผู้ขับขี่ไม่ควรปฏิบัติ
    ก. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเส้นทาง
    ข. เปิดที่ปัดน้ำฝน
    ค. ใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น
    ง. ลดความเร็วของรถลงกว่าปกติ

ตอบ ก. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเส้นทาง เพราะการเปิดไฟฉุกเฉินตลอดเส้นทางจะทำให้รถคันอื่นสับสนและไม่ทราบทิศทางที่เราจะเลี้ยว

  1. เมื่อเกิดรถเสีย ควรปฏิบัติอย่างไร
    ก. จอดรถทิ้งไว้กลางถนน
    ข. นำกิ่งไม้วางไว้ท้ายรถ
    ค. เผาป่าข้างทางหากเป็นกลางคืน
    ง. นำรถจอดเข้าข้างทาง, เปิดไฟฉุกเฉิน

ตอบ ง. นำรถจอดเข้าข้างทาง, เปิดไฟฉุกเฉิน เพราะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดและไม่กีดขวางการจราจร

  1. สัญญาณไฟเตือนบนแผงหน้าปัดรถสีใด ที่ไม่ควรปรากฏขณะขับรถ
    ก. สีแดง
    ข. สีเขียว
    ค. สีเหลือง
    ง. สีฟ้า

ตอบ ก. สีแดง เพราะไฟสีแดงเป็นสัญญาณเตือนว่ามีความผิดปกติร้ายแรงกับระบบต่างๆ ของรถ

  1. การจับพวงมาลัยนิ้วมือควรอยู่ในลักษณะใด
    ก. นิ้วมือทั้งห้า จับพวงมาลัยให้กระชับ สามารถหมุนได้คล่องตัว
    ข. นิ้วมือทั้งห้ากำพวงมาลัยให้แน่นที่สุด
    ค. นิ้วมือทั้งห้าแตะที่พวงมาลัย สามารถหมุนพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว
    ง. ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จับพวงมาลัยเพียงสองนิ้ว

ตอบ ก. นิ้วมือทั้งห้า จับพวงมาลัยให้กระชับ สามารถหมุนได้คล่องตัว เพราะทำให้ควบคุมรถได้ดีที่สุด

  1. เมื่อผู้ขับขี่ขับรถเสียหลักบนถนนเปียกลื่น ควรปฏิบัติอย่างไร
    ก. เหยียบเบรกทันที แล้วค่อยๆออกตัวเร่งความเร็วใหม่
    ข. ถอนคันเร่ง เหยียบเบรกเพื่อใช้เกียร์ต่ำ
    ค. ถอนคันเร่ง จับพวงมาลัยให้มั่นประคองรถต่อไป
    ง. ตั้งสติให้มั่น จับพวงมาลัยให้ดี เร่งความเร็วหนีให้พ้นไป

ตอบ ค. ถอนคันเร่ง จับพวงมาลัยให้มั่นประคองรถต่อไป เพราะการเบรกหรือเร่งความเร็วจะยิ่งทำให้รถเสียหลักมากขึ้น

  1. ขณะขับรถขึ้นทางลาดชัน ถ้าเครื่องยนต์ดับควรปฏิบัติอย่างไร
    ก. เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ เข้าเกียร์ว่าง และติดเครื่องใหม่
    ข. เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ และติดเครื่องใหม่
    ค. เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำ ดึงเบรกมือ และติดเครื่องใหม่
    ง. ปล่อยให้รถไหลไป แล้วค่อยประคองรถ

ตอบ ก. เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ เข้าเกียร์ว่าง และติดเครื่องใหม่ เพราะเป็นขั้นตอนที่ปลอดภัยที่สุด

  1. ขณะขับรถ ถ้ากระจกบังลมหน้ารถแตกร้าว ควรปฎิบัติอย่างไร
    ก. ตั้งสติ ลดความเร็ว จอดรถข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉิน
    ข. ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และขับรถต่อไป
    ค. ตั้งสติ เปิดไฟฉุกเฉิน และหยุดรถทันที
    ง. ตั้งสติ จอดรถข้างทาง

ตอบ ก. ตั้งสติ ลดความเร็ว จอดรถข้างทาง เปิดไฟฉุกเฉิน เพราะเป็นการปฏิบัติที่ปลอดภัยที่สุดและแจ้งเตือนรถคันอื่น

  1. เพื่อความปลอดภัยในการขับรถช่วงฤดูฝน ควรตรวจสอบอุปกรณ์ส่วนควบสิ่งใดของรถก่อนเป็นลำดับแรก
    ก. ที่ปัดน้ำฝน
    ข. น้ำในหม้อน้ำ
    ค. น้ำกลั่นแบตเตอรี่
    ง. ตรวจเช็คประตูหน้าต่างรถ

ตอบ ก. ที่ปัดน้ำฝน เพราะที่ปัดน้ำฝนเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้มองเห็นถนนได้ชัดเจนในขณะฝนตก

  1. ข้อใดเปิดไฟหน้ารถไม่ถูกต้อง
    ก. เมื่อไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าในระยะต่ำกว่า 150 เมตร
    ข. เมื่อต้องเร่งรีบไปทำงาน
    ค. เมื่อฝนตกหนัก
    ง. เมื่อมีควันไฟปกคลุมถนน

ตอบ ข. เมื่อต้องเร่งรีบไปทำงาน เพราะการเร่งรีบไปทำงานไม่ใช่เหตุผลที่เหมาะสมในการเปิดไฟหน้ารถ

  1. ในขณะที่ขับรถอยู่ มีกลิ่นเหม็นไหม้ แอร์เริ่มไม่เย็น เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น ควรปฏิบัติอย่างไร
    ก. ขับต่อไปเรื่อยๆ
    ข. ลดความเร็วลงแล้วขับต่อไป
    ค. หยุดรถทันทีกลางถนนห้ามเคลื่อนย้าย
    ง. จอดรถในที่ปลอดภัยแล้วเรียกช่างมาตรวจเช็ค

ตอบ ง. จอดรถในที่ปลอดภัยแล้วเรียกช่างมาตรวจเช็ค เพราะอาจเกิดอันตรายร้ายแรงหากขับต่อไป

  1. การหยุดรถบนทางลาดชัน ควรปฏิบัติตามลำดับอย่างไรจึงจะปลอดภัย
    ก. เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ และปลดเกียร์ว่าง
    ข. เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ปลดเกียร์ว่าง
    ค. เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ
    ง. เหยียบเบรกแล้วดึงเบรกมือ

ตอบ ก. เหยียบคลัทช์ เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ และปลดเกียร์ว่าง เพราะเป็นขั้นตอนที่ปลอดภัยที่สุดและป้องกันรถไหล

  1. การหมุนพวงมาลัยรถ ขณะจอดรถอยู่กับที่จะมีผลอย่างไร
    ก. ทำให้หมุนพวงมาลัยง่ายขึ้น
    ข. ดอกยางสึกเร็วกว่าปกติ
    ค. สิ้นเปลืองน้ำมันเพาเวอร์
    ง. สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

ตอบ ข. ดอกยางสึกเร็วกว่าปกติ เพราะการหมุนพวงมาลัยขณะรถจอดจะทำให้เกิดแรงเสียดทานที่ยาง

  1. การหยุดรถอย่างกะทันหัน(รถไม่ใช้เบรก ABS) ควรปฏิบัติอย่างไร
    ก. เหยียบเบรกแรงๆโดยไม่ต้องถอนเบรก
    ข. เหยียบคลัทช์ก่อน แล้วจึงเหยียบเบรก
    ค. เหยียบเบรกและคลัทช์พร้อมกัน
    ง. เหยียบและปล่อยเบรกสลับกัน (ย้ำเบรกซ้ำๆ)

ตอบ ง. เหยียบและปล่อยเบรกสลับกัน (ย้ำเบรกซ้ำๆ) เพราะช่วยป้องกันล้อล็อกและรถไถล

  1. รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน(รถไม่ใช้เบรก ABS) จะมีผลอย่างไร
    ก. จะหยุดรถได้ตามระยะที่กำหนด
    ข. ล้อจะล็อค และรถจะหมุน
    ค. รถจะค่อยๆ ชะลอความเร็วลง
    ง. ล้อจะล็อค และรถจะหยุดทันที

ตอบ ข. ล้อจะล็อค และรถจะหมุน เพราะแรงเฉื่อยจะทำให้รถสูญเสียการควบคุม

  1. ขณะขับรถยางรถแตก จะมีอาการอย่างไร
    ก. พวงมาลัยรถจะไร้น้ำหนัก
    ข. พวงมาลัยจะหนัก รถจะเอียง
    ค. รถหยุดกะทันหัน
    ง. เบรกจะไม่ทำงาน

ตอบ ข. พวงมาลัยจะหนัก รถจะเอียง เพราะรถจะเสียสมดุลไปด้านที่ยางแตก

  1. ในขณะขับรถ ยางรถแตกหรือระเบิด ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
    ก. คุมสติ บังคับพวงมาลัย ลดความเร็วลงและไม่ควรเหยียบเบรกกะทันหัน
    ข. รีบเหยียบเบรกให้เร็วที่สุด
    ค. หมุนพวงมาลัยอย่างรวดเร็วเพื่อหลบเข้าข้างทาง
    ง. ปลดเกียร์ว่างแล้วรีบเหยียบเบรก

ตอบ ก. คุมสติ บังคับพวงมาลัย ลดความเร็วลงและไม่ควรเหยียบเบรกกะทันหัน เพราะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการควบคุมรถ

  1. ในขณะที่กำลังขับรถ ถ้าฝากระโปรงหน้ารถเปิด ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
    ก. ลดความเร็วแล้วจอดข้างทาง เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย
    ข. หักเลี้ยวรถเข้าข้างทางทันที เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย
    ค. เบรกกะทันหัน
    ง. เหยียบคันเร่งให้มิดเพื่อฝากระโปรงจะได้กระแทกปิด

ตอบ ก. ลดความเร็วแล้วจอดข้างทาง เพื่อปิดฝากระโปรงให้เรียบร้อย เพราะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

  1. ข้อใดเป็นวิธีแก้ไขเบื้องต้นเมื่อรถเกิดไฟลัดวงจร
    ก. หาผ้าหนาๆ มาตบ
    ข. ตัดกระแสไฟ หรือหาทางงัดขั้วแบตเตอรี่ออกก่อน
    ค. วิ่งหาน้ำมันมาราด
    ง. ใช้ทรายสาดใส่

ตอบ ข. ตัดกระแสไฟ หรือหาทางงัดขั้วแบตเตอรี่ออกก่อน เพราะเป็นการแก้ที่ต้นเหตุของปัญหา

  1. การปรับระดับที่นั่งคนขับห่างเกินไป จะมีผลอย่างไร
    ก. ทำให้เข้าเกียร์ได้ง่าย
    ข. ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นชัดเจนดีมาก สามารถตัดสินใจได้ดี
    ค. บังคับพวงมาลัยลำบาก ใช้อุปกรณ์ต่างๆ ไม่สะดวก เกิดเหตุฉุกเฉินไม่สามารถใช้คลัทช์ และเบรกได้
    ง. ทำให้เบรกรถสะดวก

ตอบ ค. บังคับพวงมาลัยลำบาก ใช้อุปกรณ์ต่างๆ ไม่สะดวก เพราะระยะห่างที่มากเกินไปทำให้ควบคุมรถได้ไม่ดี

  1. การตรวจสอบว่าเข็มขัดนิรภัยยังใช้งานได้ดีหรือไม่ ควรตรวจสอบอย่างไร
    ก. กระตุกดึงสายเข็มขัดอย่างเร็ว แล้วสายเข็มขัดต้องล็อค
    ข. ดูว่าเป็นของใหม่หรือไม่
    ค. ดูว่าเข็มขัดมียี่ห้อหรือไม่
    ง. ต้องมีสีเข้มๆ

ตอบ ก. กระตุกดึงสายเข็มขัดอย่างเร็ว แล้วสายเข็มขัดต้องล็อค เพราะเป็นการทดสอบระบบล็อคของเข็มขัดนิรภัยซึ่งสำคัญต่อความปลอดภัย

  1. ถ้ารถเสียหลักลื่นไถลพร้อมเสียการทรงตัว ควรปฏิบัติอย่างไรเป็นลำดับแรก
    ก. รีบเข้าเกียร์ต่ำเพื่อชะลอความเร็ว
    ข. ค่อยๆ เหยียบแป้นคลัทช์
    ค. หมุนพวงมาลัยไปซ้ายบ้าง ขวาบ้าง
    ง. ลดความเร็วจับพวงมาลัยให้มั่น

ตอบ ง. ลดความเร็วจับพวงมาลัยให้มั่น เพราะการควบคุมความเร็วและพวงมาลัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการกู้สถานการณ์

  1. การจอดรถชิดขอบทาง ล้อหน้าควรอยู่ในลักษณะใด
    ก. หันเข้าหาขอบทาง
    ข. อยู่อย่างไรก็ได้
    ค. ตรงและขนานกับขอบทางหรือฟุตบาต
    ง. หันออกจากขอบทาง

ตอบ ค. ตรงและขนานกับขอบทางหรือฟุตบาต เพราะทำให้จอดรถได้เป็นระเบียบและปลอดภัย

  1. การเข้าเกียร์ถอยหลังขณะรถยังไม่หยุดนิ่งมีผลเสียอย่างไร
    ก. ไม่มีผลต่อส่วนใดของรถ
    ข. เข้าเกียร์ยากและทำให้เกียร์เสียเร็วกว่าปกติ
    ค. ทำให้น้ำมันเกียร์หมดเร็ว
    ง. เครื่องยนต์กินน้ำมันเครื่อง

ตอบ ข. เข้าเกียร์ยากและทำให้เกียร์เสียเร็วกว่าปกติ เพราะเฟืองเกียร์จะเสียดสีกันมากเกินไป

  1. การขับรถถอยหลังควรใช้ความเร็วระดับใด
    ก. ถอยช้าๆ แล้วใช้ความระมัดระวัง
    ข. ถอยแบบไหนก็ได้
    ค. ถอยเหมือนกับเดินหน้า
    ง. ใช้ความเร็วตามสภาพของรถ

ตอบ ก. ถอยช้าๆ แล้วใช้ความระมัดระวัง เพราะการถอยหลังมีทัศนวิสัยจำกัด ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

  1. ข้อใดเป็นการสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ถูกต้อง
    ก. ขึ้นเบรกมือ-ปลดเกียร์ว่าง-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-เหยียบคลัทช์-สตาร์ทเครื่องยนต์
    ข. ปลดเกียร์ว่าง-ขึ้นเบรกมือ-สตาร์ทเครื่องยนต์
    ค. เหยียบคลัทช์-สตาร์ทเครื่องยนต์
    ง. ปลดเบรกมือ-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-สตาร์ทเครื่องยนต์

ตอบ ก. ขึ้นเบรกมือ-ปลดเกียร์ว่าง-ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า-เหยียบคลัทช์-สตาร์ทเครื่องยนต์ เพราะเป็นขั้นตอนที่ปลอดภัยและถูกต้องตามหลักการ

  1. หากเกิดฝนตกหนักจนมองเห็นทางไม่ชัดเจน ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
    ก. จอดรถทันที
    ข. เปิดไฟหน้าเร่งความเร็วผ่านบริเวณที่ฝนตกหนัก
    ค. เร่งความเร็วให้ผ่านบริเวณที่ฝนตกโดยเร็ว
    ง. จอดรถบริเวณที่ปลอดภัย เปิดไฟหน้ารถและเปิดไฟฉุกเฉิน

ตอบ ง. จอดรถบริเวณที่ปลอดภัย เปิดไฟหน้ารถและเปิดไฟฉุกเฉิน เพราะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดเมื่อทัศนวิสัยไม่ดี

  1. การจับพวงมาลัยขณะขับรถทางตรง มือขวาและซ้ายของผู้ขับขี่ ควรอยู่ในตำแหน่งลักษณะใดของหน้าปัดนาฬิกา
    ก. ตำแหน่งเลข 2 และเลข 10
    ข. ตำแหน่งเลข 4 และเลข 10
    ค. ตำแหน่งเลข 3 และเลข 10
    ง. ตำแหน่งเลข 6 และเลข 10

ตอบ ก. ตำแหน่งเลข 2 และเลข 10 เพราะเป็นตำแหน่งที่ทำให้ควบคุมรถได้ดีที่สุด

  1. เมื่อขับรถในขณะฝนตก ท่านไม่ควรปฏิบัติอย่างไร
    ก. เปิดที่ปัดน้ำฝน
    ข. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดทาง
    ค. ขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
    ง. ลดความเร็วของรถ

ตอบ ข. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดทาง เพราะจะทำให้รถคันอื่นสับสนและไม่ทราบทิศทางที่จะเลี้ยว

  1. เมื่อขับรถในขณะฝนตก ท่านไม่ควรปฏิบัติอย่างไร
    ก. เปิดที่ปัดน้ำฝน
    ข. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดทาง
    ค. ขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
    ง. ลดความเร็วของรถ

ตอบ ข. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดทาง เพราะจะทำให้รถคันอื่นสับสนและไม่ทราบทิศทางที่จะเลี้ยว

  1. จากรูป หากท่านต้องการที่จะขับตรงผ่านไป ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
    ก. ลดความเร็วและเพิ่มความระมัดระวังทุกครั้งก่อนถึงทางแยก
    ข. ระวังรถด้านซ้ายเพราะอยู่ใกล้ช่องทางของเรา
    ค. ระวังรถทางขวาเพียงอย่างเดียว และขับต่อไป
    ง. ขับด้วยความเร็วเท่าเดิม

ตอบ ก. ลดความเร็วและเพิ่มความระมัดระวังทุกครั้งก่อนถึงทางแยก เพราะเป็นจุดเสี่ยงที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

  1. จากรูป หากท่านต้องการที่จะขับตรงผ่านไป ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
    ก. ชะลอรถและให้รถทางขวามือขับผ่านไปก่อน
    ข. ขับรถต่อไปได้เลยเพราะเราคือทางเอก
    ค. ขับด้วยความเร็วเท่าเดิม
    ง. เร่งเครื่องยนต์เพื่อขับผ่านไปก่อน

ตอบ ก. ชะลอรถและให้รถทางขวามือขับผ่านไปก่อน เพื่อความปลอดภัยและลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ

  1. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวา ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
    ก. หยุดรถให้ห่างเพื่อความปลอดภัย
    ข. ขับไปในช่องทางขวาเพื่อเลี้ยวได้เลย
    ค. เลี้ยวพร้อมกับรถคันหน้าได้ทันที
    ง. ชะลอรถเนื่องจากรถคันหน้าจะเลี้ยวซ้าย

ตอบ ง. ชะลอรถเนื่องจากรถคันหน้าจะเลี้ยวซ้าย เพื่อรอให้รถคันหน้าเลี้ยวผ่านไปก่อนจึงจะปลอดภัย

  1. จากรูป หากท่านพบเห็นสัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
    ก. เร่งความเร็วและขับผ่านไป
    ข. บีบแตรและขับผ่านไป
    ค. ค่อยๆ เหยียบเบรกย้ำๆ เพื่อเตือนรถข้างหลังระวังและเตรียมหยุด
    ง. เหยียบเบรกเพื่อหยุดรถทันที

ตอบ ค. ค่อยๆ เหยียบเบรกย้ำๆ เพื่อเตือนรถข้างหลังระวังและเตรียมหยุด เพื่อป้องกันการชนท้าย

  1. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวซ้าย ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
    ก. ลดความเร็ว และระมัดระวังรถด้านซ้าย รวมทั้งคนเดินข้ามถนน
    ข. เลี้ยวซ้ายได้ทันที
    ค. เร่งความเร็วเพื่อให้สามารถเลี้ยวได้เร็ว
    ง. บีบแตรก่อนทำการเลี้ยวรถ

ตอบ ก. ลดความเร็ว และระมัดระวังรถด้านซ้าย รวมทั้งคนเดินข้ามถนน เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย

  1. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวซ้าย ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
    ก. ขับตามรถคันหน้าให้ชิดและทำการเลี้ยวทันที
    ข. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ชะลอรถ หยุดให้คนเดินถนนข้ามทางก่อน
    ค. บีบแตรเพื่อให้คนเดินข้ามถนนด้วยความรวดเร็ว
    ง. เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเพื่อเตือนรถด้านหลัง

ตอบ ข. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ชะลอรถ หยุดให้คนเดินถนนข้ามทางก่อน เพราะคนเดินถนนมีสิทธิ์ข้ามทางม้าลาย

  1. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวา ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
    ก. ควรเลี้ยวให้ทันเนื่องจากมีรถคันใหญ่ขวางรถฝั่งตรงข้าม
    ข. เร่งความเร็วเพื่อเลี้ยวขวาทันที
    ค. หยุดรอในตำแหน่งที่จะเลี้ยวและให้รถด้านตรงข้ามผ่านไปก่อน
    ง. ขับรถไปในช่องทางด้านขวาเพื่อทำการเลี้ยว

ตอบ ค. หยุดรอในตำแหน่งที่จะเลี้ยวและให้รถด้านตรงข้ามผ่านไปก่อน เพื่อความปลอดภัยและถูกต้องตามกฎจราจร

  1. จากรูป หากท่านต้องการที่จะเลี้ยวขวา ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
    ก. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ชะลอรถ หยุดให้คนเดินถนนข้ามทางก่อน
    ข. ขับตามรถคันหน้าให้ชิดและทำการเลี้ยวทันที
    ค. บีบแตรเพื่อให้คนเดินข้ามถนนด้วยความรวดเร็ว
    ง. ขับรถออกในช่องทางขวาเพื่อทำการเลี้ยว

ตอบ ก. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ชะลอรถ หยุดให้คนเดินถนนข้ามทางก่อน เพื่อความปลอดภัยของคนเดินถนน

  1. จากรูป หากท่านต้องการขับตรงไป ท่านควรระมัดระวังและปฏิบัติอย่างไร
    ก. บีบแตรเพื่อให้รถคันหน้าเร่งความเร็ว
    ข. ขับต่อไปด้วยความเร็วเท่าเดิม
    ค. ลดความเร็วลง และให้ทางแก่รถที่เลี้ยวออกมา
    ง. เปิดไฟฉุกเฉินและขับผ่านไปด้วยความรวดเร็ว

ตอบ ค. ลดความเร็วลง และให้ทางแก่รถที่เลี้ยวออกมา เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

  1. จากรูป รถคันใดอยู่ในจุดบอดของรถคันสีขาว
    ก. รถ ค.
    ข. รถ ก. และรถ ข.
    ค. รถ ข. และรถ ค.
    ง. รถ ก. และรถ ค.

ตอบ ข. รถ ก. และรถ ข. เพราะเป็นตำแหน่งที่มองไม่เห็นจากกระจกมองหลังและกระจกข้าง

  1. ด้วยสาเหตุใด ผู้ขับขี่จะต้องหันหน้ามองไปทางด้านข้างก่อนทำการเปลี่ยนช่องจราจร
    ก. จะทำให้สามารถเปลี่ยนช่องจราจรได้รวดเร็วมากขึ้น
    ข. เพื่อตรวจดูจุดบอดของรถด้านขวา
    ค. เพื่อเปลี่ยนช่องจราจรในกรณีที่ไม่ต้องการเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว
    ง. เพื่อให้สามารถเห็นผู้คนที่เดินอยู่บริเวณทางเดินเท้า

ตอบ ข. เพื่อตรวจดูจุดบอดของรถด้านขวา เพราะมีบางจุดที่กระจกมองข้างไม่สามารถสะท้อนภาพได้

  1. ข้อใดคือความหมายที่ถูกต้องของจุดบอด
    ก. บริเวณด้านหลังของรถที่กระจกมองหลังจับภาพไม่ได้
    ข. บริเวณที่คนขับไม่สามารถมองเห็นได้ชัดในขณะขับรถ
    ค. บริเวณด้านหน้าของรถที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นได้
    ง. บริเวณด้านซ้ายของรถที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็นได้

ตอบ ข. บริเวณที่คนขับไม่สามารถมองเห็นได้ชัดในขณะขับรถ เพราะเป็นความหมายที่ครอบคลุมจุดบอดทุกด้านของรถ

  1. ถ้าเครื่องดับขณะกำลังเคลื่อนที่ออกจากทางลาดชัน ท่านควรปฏิบัติอย่างไรเป็นลำดับแรก
    ก. ทำการเบรกทันทีเพื่อไม่ให้รถไหล
    ข. เปลี่ยนไปเข้าเกียร์ว่าง
    ค. ติดเครื่องใหม่
    ง. เปิดไฟฉุกเฉิน

ตอบ ก. ทำการเบรกทันทีเพื่อไม่ให้รถไหล เพื่อความปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุ

  1. การขับขี่ขึ้นหรือลงทางลาดชัน ควรใช้เกียร์ใด
    ก. เกียร์ต่ำ
    ข. เกียร์สูง
    ค. เกียร์ว่าง
    ง. เกียร์ใดก็ได้

ตอบ ก. เกียร์ต่ำ เพราะช่วยในการควบคุมความเร็วและแรงบิดของเครื่องยนต์

  1. ในการขับขี่ลงทางลาดชัน ผู้ขับขี่ควรใช้เกียร์ต่ำเนื่องจากสาเหตุใด
    ก. เพื่อเพิ่มกำลังของรถ
    ข. เพื่อหน่วงความเร็วของรถ
    ค. เพื่อลดความร้อนของเครื่องยนต์
    ง. เพื่อเพิ่มความเร็วของรถ

ตอบ ข. เพื่อหน่วงความเร็วของรถ เพราะช่วยชะลอความเร็วโดยใช้แรงหน่วงของเครื่องยนต์

  1. เพราะเหตุใดจึงไม่ควรใช้เบรกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานในขณะขับขี่ลงทางลาดชัน
    ก. จะทำให้เสียเวลาในการเดินทาง
    ข. จะทำให้เปลืองน้ำมัน
    ค. จะทำให้ผ้าเบรกไหม้
    ง. จะทำให้รถเคลื่อนตัวได้ช้า

ตอบ ค. จะทำให้ผ้าเบรกไหม้ เพราะการเสียดสีต่อเนื่องทำให้เกิดความร้อนสูงจนผ้าเบรกเสียหาย

  1. ในการขับขี่ลุยน้ำ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติอย่างไร
    ก. ลดความเร็วลง แต่เร่งเครื่องยนต์ให้มากกว่าปกติเล็กน้อย
    ข. เปิดไฟฉุกเฉิน
    ค. ขับรถด้วยความเร็วมากขึ้น
    ง. ขับรถด้วยความเร็วปกติ

ตอบ ก. ลดความเร็วลง แต่เร่งเครื่องยนต์ให้มากกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อป้องกันน้ำเข้าท่อไอเสียและเครื่องยนต์ดับ

  1. เหตุใดขณะขับรถลุยน้ำจึงต้องเร่งเครื่องยนต์มากกว่าปกติเล็กน้อย
    ก. เพื่อให้รถมีความเร็วคงที่
    ข. เพื่อให้เครื่องยนต์ร้อน
    ค. เพื่อให้รถมีความเร็วมากขึ้น
    ง. เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ดับ

ตอบ ง. เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ดับ เพราะแรงดันไอเสียจะช่วยป้องกันน้ำไหลย้อนเข้าท่อไอเสีย

  1. ท่านควรปฏิบัติอย่างไรขณะขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วม
    ก. ขับช้าๆ ตามหลังรถคันหน้าในระยะห่างพอสมควร
    ข. พยายามไม่ใช้เบรกโดยเด็ดขาด
    ค. พยายามขับจี้ท้ายรถคันหน้าตลอดเวลา
    ง. เปิดไฟฉุกเฉินตลอดเวลา

ตอบ ก. ขับช้าๆ ตามหลังรถคันหน้าในระยะห่างพอสมควร เพื่อความปลอดภัยและป้องกันคลื่นน้ำกระแทก

  1. หลังจากขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วม ท่านควรทดสอบระบบใดต่อไปนี้
    ก. ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์
    ข. ระบบไฟฟ้า
    ค. ระบบเบรก
    ง. ระบบช่วงล่าง

ตอบ ค. ระบบเบรก เพราะน้ำอาจทำให้ประสิทธิภาพของเบรกลดลง

  1. ข้อใดต่อไปนี้คือประโยชน์สูงสุดของการชะลอรถด้วยเครื่องยนต์ในขณะลงทางลาดชัน
    ก. ลงทางลาดชันด้วยความปลอดภัย
    ข. ลดการสึกหรอของผ้าเบรก
    ค. ช่วยประหยัดน้ำมัน
    ง. เพิ่มการทรงตัวของรถ

ตอบ ก. ลงทางลาดชันด้วยความปลอดภัย เพราะช่วยควบคุมความเร็วของรถได้ดีกว่าการใช้เบรกอย่างเดียว

ข้อสอบชุดนี้เน้นความรู้เกี่ยวกับการขับขี่ในสถานการณ์พิเศษ เช่น การขับขี่บนทางลาดชัน การขับรถลุยน้ำ และความเข้าใจเกี่ยวกับระบบต่างๆ ของรถยนต์ ซึ่งเป็นความรู้สำคัญสำหรับการขับขี่อย่างปลอดภัย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *