ข้อสอบครูผู้ช่วย กทม. 2568 เกี่ยวกับ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 50 ข้อ พร้อมเฉลย ข้อสอบครูผู้ช่วย กทม. 2568 เกี่ยวกับ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 50 ข้อ พร้อมเฉลย

ข้อสอบครูผู้ช่วย กทม. 2568 เกี่ยวกับ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 50 ข้อ พร้อมเฉลย

ข้อสอบครูผู้ช่วย กทม. 2568 เกี่ยวกับ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 50 ข้อ พร้อมเฉลย

สวัสดีครับ วันนี้ครูเชียงราย มีข้อสอบดีๆมาฝากครับ สำหรับเพื่อนๆ พี่น้อง ที่กำลังเตรียมตัวสอบครูผู้ช่วย กทม. ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการก้าวเข้าสู่การทำงานในระบบราชการด้านการศึกษา หนึ่งในเนื้อหาที่สำคัญและมักถูกนำมาออกสอบเป็นประจำคือ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซึ่งมีบทบาทในการกำหนดกรอบและทิศทางการจัดการศึกษาในประเทศไทย ในบทความนี้

วันนี้เราได้จัดทำข้อสอบที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ ทั้งหมด 50 ข้อ พร้อมเฉลย เพื่อช่วยให้เพื่อนๆ พี่น้อง เตรียมความพร้อมในการสอบครูผู้ช่วยปี 2568 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อสอบครูผู้ช่วย กทม. 2568 เกี่ยวกับ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 50 ข้อ พร้อมเฉลย

  1. ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 การจัดการศึกษาต้องยึดหลักสำคัญใด
    ก. เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
    ข. ผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด
    ค. การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น
    ง. การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

เฉลย ข. ผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด
เพราะตามมาตรา 22 ระบุว่าการจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด

  1. ข้อใดไม่ใช่หลักการจัดการศึกษาตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
    ก. เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
    ข. ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
    ค. การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
    ง. ให้รัฐเป็นผู้จัดการศึกษาเพียงผู้เดียว

เฉลย ง. ให้รัฐเป็นผู้จัดการศึกษาเพียงผู้เดียว
เพราะตามมาตรา 8 การจัดการศึกษาให้ยึดหลักเป็นการศึกษาตลอดชีวิต ให้สังคมมีส่วนร่วม และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้จำกัดให้รัฐเป็นผู้จัดการศึกษาเพียงผู้เดียว

  1. การประกันคุณภาพภายนอกต้องได้รับการประเมินอย่างน้อยกี่ปีต่อครั้ง
    ก. 3 ปี
    ข. 4 ปี
    ค. 5 ปี
    ง. 6 ปี

เฉลย ค. 5 ปี
ตามมาตรา 49 กำหนดให้มีการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุกห้าปี

  1. ข้อใดไม่ใช่รูปแบบการจัดการศึกษาตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
    ก. การศึกษาในระบบ
    ข. การศึกษานอกระบบ
    ค. การศึกษาตามอัธยาศัย
    ง. การศึกษาทางเลือก

เฉลย ง. การศึกษาทางเลือก
เพราะตามมาตรา 15 กำหนดการจัดการศึกษามีสามรูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย

  1. การศึกษาภาคบังคับมีระยะเวลากี่ปี
    ก. 6 ปี
    ข. 9 ปี
    ค. 12 ปี
    ง. 15 ปี

เฉลย ข. 9 ปี
ตามมาตรา 17 กำหนดให้มีการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี นับจากอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดจนถึงอายุย่างเข้าปีที่สิบหก

  1. องค์ประกอบใดไม่จำเป็นต้องมีในคณะกรรมการสถานศึกษา
    ก. ผู้แทนผู้ปกครอง
    ข. ผู้แทนครู
    ค. ผู้แทนองค์กรชุมชน
    ง. ผู้แทนสื่อมวลชน

เฉลย ง. ผู้แทนสื่อมวลชน
เพราะตามมาตรา 40 คณะกรรมการสถานศึกษาประกอบด้วยผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนครู ผู้แทนองค์กรชุมชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนศิษย์เก่า และผู้ทรงคุณวุฒิ

  1. ใครไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
    ก. ครูในโรงเรียนรัฐบาล
    ข. ผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน
    ค. วิทยากรพิเศษ
    ง. ผู้บริหารการศึกษาระดับเขตพื้นที่

เฉลย ค. วิทยากรพิเศษ
ตามมาตรา 53 ยกเว้นใบประกอบวิชาชีพสำหรับผู้ที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย วิทยากรพิเศษ และผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตพื้นที่การศึกษา

  1. การประกันคุณภาพการศึกษาประกอบด้วยระบบใดบ้าง
    ก. การประกันคุณภาพภายในและภายนอก
    ข. การประกันคุณภาพระดับชาติและนานาชาติ
    ค. การประกันคุณภาพขั้นพื้นฐานและอุดมศึกษา
    ง. การประกันคุณภาพรายบุคคลและองค์กร

เฉลย ก. การประกันคุณภาพภายในและภายนอก
ตามมาตรา 47 ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายในและระบบการประกันคุณภาพภายนอก

  1. การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานต้องจัดให้มีระยะเวลากี่ปี
    ก. 6 ปี
    ข. 9 ปี
    ค. ไม่น้อยกว่า 12 ปี
    ง. 15 ปี

เฉลย ค. ไม่น้อยกว่า 12 ปี
ตามมาตรา 16 การศึกษาในระบบมีสองระดับ คือการศึกษาขั้นพื้นฐานซึ่งจัดไม่น้อยกว่า 12 ปีก่อนระดับอุดมศึกษา

  1. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
    ก. ผู้แทนองค์กรชุมชน
    ข. ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
    ค. ผู้แทนสมาคมผู้ปกครองและครู
    ง. ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ

เฉลย ง. ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ
เพราะตามมาตรา 38 คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาประกอบด้วยผู้แทนองค์กรชุมชน เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาคมผู้ประกอบวิชาชีพครู ผู้ปกครองและครู และผู้นำทางศาสนา

  1. ข้อใดคือหน่วยงานที่ทำหน้าที่ประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษา
    ก. กระทรวงศึกษาธิการ
    ข. สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา
    ค. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
    ง. สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา

เฉลย ข. สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา
ตามมาตรา 49 กำหนดให้สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา มีฐานะเป็นองค์การมหาชนทำหน้าที่พัฒนาเกณฑ์และประเมินคุณภาพภายนอก

  1. ข้อใดไม่ใช่หลักในการจัดระบบโครงสร้างและกระบวนการจัดการศึกษา
    ก. มีเอกภาพด้านนโยบายและหลากหลายในการปฏิบัติ
    ข. มีการกระจายอำนาจสู่เขตพื้นที่การศึกษา
    ค. มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษา
    ง. มีการรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง

เฉลย ง. มีการรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง
เพราะตามมาตรา 9 กำหนดให้มีการกระจายอำนาจสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

  1. การบริหารและการจัดการศึกษาของรัฐแบ่งเป็นกี่ระดับ
    ก. 2 ระดับ
    ข. 3 ระดับ
    ค. 4 ระดับ
    ง. 5 ระดับ

เฉลย ข. 3 ระดับ
ตามมาตรา 37 การบริหารและการจัดการศึกษาของรัฐแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ระดับชาติ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับสถานศึกษา

  1. ข้อใดไม่ใช่องค์กรหลักในกระทรวงการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
    ก. สภาการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมแห่งชาติ
    ข. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
    ค. คณะกรรมการการอุดมศึกษา
    ง. คณะกรรมการข้าราชการครู

เฉลย ง. คณะกรรมการข้าราชการครู
เพราะตามมาตรา 34 องค์กรหลักมี 4 องค์กร คือ สภาการศึกษาฯ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการการอุดมศึกษา และคณะกรรมการการศาสนาและวัฒนธรรม

  1. สถานศึกษาขั้นพื้นฐานสามารถจัดได้ในสถานที่ใดบ้าง
    ก. โรงเรียนของรัฐเท่านั้น
    ข. โรงเรียนของรัฐและเอกชน
    ค. โรงเรียนของรัฐ เอกชน และศูนย์การเรียน
    ง. โรงเรียนของรัฐ เอกชน ศูนย์การเรียน และสถาบันศาสนา

เฉลย ง. โรงเรียนของรัฐ เอกชน ศูนย์การเรียน และสถาบันศาสนา
ตามมาตรา 18

  1. การจัดกระบวนการเรียนรู้ต้องจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับสิ่งใด
    ก. นโยบายของรัฐบาล
    ข. ความต้องการของผู้ปกครอง
    ค. ความสนใจและความถนัดของผู้เรียน
    ง. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

เฉลย ค. ความสนใจและความถนัดของผู้เรียน
เพราะตามมาตรา 24 การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน

  1. หน่วยงานใดมีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษาของชาติ
    ก. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
    ข. สภาการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมแห่งชาติ
    ค. คณะกรรมการการอุดมศึกษา
    ง. คณะกรรมการการศาสนาและวัฒนธรรม

เฉลย ข. สภาการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมแห่งชาติ
ตามมาตรา 34 สภาการศึกษาฯ มีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษาของชาติ

  1. ข้อใดไม่ใช่สิทธิของบิดามารดาหรือผู้ปกครองที่สนับสนุนการศึกษา
    ก. การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษี
    ข. เงินอุดหนุนจากรัฐ
    ค. การได้รับเงินเดือนพิเศษ
    ง. การสนับสนุนความรู้ด้านการเลี้ยงดูบุตร

เฉลย ค. การได้รับเงินเดือนพิเศษ
ตามมาตรา 13 บิดามารดาหรือผู้ปกครองมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น การสนับสนุนจากรัฐ เงินอุดหนุน และการลดหย่อนภาษี

  1. หลักสูตรการศึกษาระดับใดที่ต้องเน้นความเป็นไทยและความเป็นพลเมืองดี
    ก. การศึกษาปฐมวัย
    ข. การศึกษาขั้นพื้นฐาน
    ค. การอาชีวศึกษา
    ง. การอุดมศึกษา

เฉลย ข. การศึกษาขั้นพื้นฐาน
ตามมาตรา 27 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานต้องเน้นความเป็นไทยและความเป็นพลเมืองดี

  1. องค์กรใดมีอำนาจในการออกและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
    ก. กระทรวงศึกษาธิการ
    ข. คุรุสภา
    ค. ก.ค.ศ.
    ง. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

เฉลย ข. คุรุสภา
ตามมาตรา 53 ให้มีองค์กรวิชาชีพครูมีอำนาจหน้าที่กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ ออกและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ

  1. การประเมินผลผู้เรียนต้องพิจารณาจากสิ่งใดบ้าง
    ก. การทดสอบอย่างเดียว
    ข. พัฒนาการและการทดสอบ
    ค. พัฒนาการ ความประพฤติ และการทดสอบ
    ง. พัฒนาการ ความประพฤติ การร่วมกิจกรรม และการทดสอบ

เฉลย ง. พัฒนาการ ความประพฤติ การร่วมกิจกรรม และการทดสอบ
ตามมาตรา 26 ให้สถานศึกษาจัดการประเมินผลผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการ ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรม การร่วมกิจกรรม และการทดสอบ

  1. ใครมีหน้าที่กำกับดูแลสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตพื้นที่การศึกษา
    ก. กระทรวงศึกษาธิการ
    ข. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
    ค. สำนักงานการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมเขตพื้นที่การศึกษา
    ง. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

เฉลย ค. สำนักงานการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมเขตพื้นที่การศึกษา
ตามมาตรา 37 สำนักงานการศึกษาฯ เขตพื้นที่การศึกษามีหน้าที่กำกับดูแลสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญา

  1. ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการจัดการศึกษาตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ
    ก. พัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
    ข. ให้มีความรู้และคุณธรรม
    ค. ให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
    ง. ให้มีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ

เฉลย ง. ให้มีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ
ตามมาตรา 6 การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม

  1. สถานศึกษาของรัฐระดับใดที่เป็นนิติบุคคล
    ก. ระดับประถมศึกษา
    ข. ระดับมัธยมศึกษา
    ค. ระดับอาชีวศึกษา
    ง. ระดับปริญญา

เฉลย ง. ระดับปริญญา
ตามมาตรา 36 สถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาเป็นนิติบุคคล

  1. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดการศึกษาได้ในระดับใด
    ก. เฉพาะการศึกษาขั้นพื้นฐาน
    ข. เฉพาะการศึกษาภาคบังคับ
    ค. ทุกระดับตามความพร้อม
    ง. เฉพาะการศึกษาปฐมวัย

เฉลย ค. ทุกระดับตามความพร้อม
ตามมาตรา 41 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิจัดการศึกษาในระดับใดก็ได้ตามความพร้อม

  1. การจัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษา รัฐต้องจัดสรรให้กับใครบ้าง
    ก. เฉพาะสถานศึกษาของรัฐ
    ข. สถานศึกษาของรัฐและเอกชน
    ค. ผู้เรียนและสถานศึกษาของรัฐ
    ง. ผู้เรียนและสถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน

เฉลย ง. ผู้เรียนและสถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน
ตามมาตรา 60 รัฐต้องจัดสรรงบประมาณแผ่นดินให้กับการศึกษาในฐานะที่มีความสำคัญสูงสุดต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยจัดสรรเป็นเงินงบประมาณเพื่อการศึกษาให้กับผู้เรียนและสถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน

  1. ข้อใดไม่ใช่บทบาทของรัฐในด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
    ก. จัดสรรคลื่นความถี่
    ข. พัฒนาบุคลากร
    ค. สนับสนุนการวิจัย
    ง. ผูกขาดการผลิตสื่อการศึกษา

เฉลย ง. ผูกขาดการผลิตสื่อการศึกษา
ตามมาตรา 63-69 รัฐต้องจัดสรรคลื่นความถี่ สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา และพัฒนาบุคลากร แต่ต้องเปิดให้มีการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม

  1. ข้อใดคือการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานที่รัฐต้องจัดให้
    ก. จัดให้ 6 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
    ข. จัดให้ 9 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
    ค. จัดให้ 12 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
    ง. จัดให้ 15 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย

เฉลย ค. จัดให้ 12 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
ตามมาตรา 10 การจัดการศึกษาต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปีที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย

  1. การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ต้องเป็นไปอย่างไร
    ก. เป็นไปตามความต้องการของผู้เรียน
    ข. เป็นไปตามนโยบายของรัฐ
    ค. เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
    ง. เป็นไปตามบริบทของท้องถิ่น

เฉลย ค. เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ตามมาตรา 8 การจัดการศึกษาให้ยึดหลักการพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

  1. ใครมีหน้าที่จัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับการประกันคุณภาพภายใน
    ก. เฉพาะสถานศึกษา
    ข. เฉพาะหน่วยงานต้นสังกัด
    ค. หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษา
    ง. กระทรวงศึกษาธิการ

เฉลย ค. หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษา
ตามมาตรา 48 ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายใน และจัดทำรายงานประจำปีเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเปิดเผยต่อสาธารณชน

  1. รายได้และผลประโยชน์ของสถานศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคลต้องนำส่งที่ใด
    ก. กระทรวงศึกษาธิการ
    ข. กระทรวงการคลัง
    ค. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
    ง. ไม่ต้องนำส่งที่ใด

เฉลย ง. ไม่ต้องนำส่งที่ใด
ตามมาตรา 59 บรรดารายได้และผลประโยชน์ของสถานศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคล ไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลัง

  1. สถานศึกษาขั้นพื้นฐานและสถานศึกษาอุดมศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาต้องมีคณะกรรมการสถานศึกษาเพื่อทำหน้าที่อะไร
    ก. บริหารจัดการสถานศึกษา
    ข. กำกับและส่งเสริมสนับสนุนกิจการของสถานศึกษา
    ค. ประเมินผลการดำเนินงานของสถานศึกษา
    ง. ควบคุมการปฏิบัติงานของผู้บริหารสถานศึกษา

เฉลย ข. กำกับและส่งเสริมสนับสนุนกิจการของสถานศึกษา
ตามมาตรา 40 ให้มีคณะกรรมการสถานศึกษาเพื่อทำหน้าที่กำกับและส่งเสริมสนับสนุนกิจการของสถานศึกษา

  1. การศึกษาระดับอุดมศึกษาแบ่งเป็นกี่ระดับ
    ก. 2 ระดับ
    ข. 3 ระดับ
    ค. 4 ระดับ
    ง. 5 ระดับ

เฉลย ก. 2 ระดับ
ตามมาตรา 16 การศึกษาระดับอุดมศึกษาแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ระดับต่ำกว่าปริญญา และระดับปริญญา

  1. ข้อใดไม่ใช่สาระความรู้ที่สถานศึกษาต้องบูรณาการในการจัดการศึกษา
    ก. ความรู้เกี่ยวกับตนเอง
    ข. ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
    ค. ด้านศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม
    ง. ด้านการเมืองการปกครอง

เฉลย ง. ด้านการเมืองการปกครอง
ตามมาตรา 23 การจัดการศึกษาต้องเน้นความสำคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้และบูรณาการตามความเหมาะสมในเรื่องความรู้เกี่ยวกับตนเอง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม ภาษา และคณิตศาสตร์

  1. ข้อใดเป็นอำนาจหน้าที่ของสภาการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมแห่งชาติ
    ก. กำกับดูแลการศึกษาทุกระดับ
    ข. พิจารณางบประมาณการศึกษา
    ค. พิจารณาเสนอนโยบายการศึกษาของชาติ
    ง. ประเมินคุณภาพการศึกษา

เฉลย ค. พิจารณาเสนอนโยบายการศึกษาของชาติ
ตามมาตรา 34 สภาการศึกษาฯ มีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษาของชาติ

  1. ข้อใดไม่ใช่แนวทางในการจัดกระบวนการเรียนรู้ตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ
    ก. จัดเนื้อหาสาระที่สอดคล้องกับความสนใจของผู้เรียน
    ข. ฝึกทักษะกระบวนการคิดและการจัดการ
    ค. จัดการเรียนรู้เฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น
    ง. จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง

เฉลย ค. จัดการเรียนรู้เฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น
ตามมาตรา 24 การจัดกระบวนการเรียนรู้ต้องจัดให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่

  1. ใครเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์การประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
    ก. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
    ข. กระทรวงศึกษาธิการ
    ค. สำนักงานรับรองมาตรฐานการศึกษา
    ง. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

เฉลย ข. กระทรวงศึกษาธิการ
ตามมาตรา 42 กระทรวงเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

  1. ข้อใดไม่ใช่บทบาทของรัฐในการส่งเสริมการจัดการศึกษาของเอกชน
    ก. การสนับสนุนด้านวิชาการ
    ข. การให้เงินอุดหนุน
    ค. การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษี
    ง. การควบคุมการบริหารงานทั้งหมด

เฉลย ง. การควบคุมการบริหารงานทั้งหมด
ตามมาตรา 43-45 รัฐต้องให้การสนับสนุนด้านต่างๆ แต่ต้องให้เอกชนมีความเป็นอิสระในการบริหารจัดการ

  1. หลักสูตรการศึกษาระดับใดที่ต้องเน้นการพัฒนาวิชาการ วิชาชีพชั้นสูงและการค้นคว้าวิจัย
    ก. การศึกษาขั้นพื้นฐาน
    ข. การอาชีวศึกษา
    ค. การอุดมศึกษา
    ง. การศึกษาตลอดชีวิต

เฉลย ค. การอุดมศึกษา
ตามมาตรา 28 หลักสูตรการศึกษาระดับอุดมศึกษา เน้นการพัฒนาวิชาการ วิชาชีพชั้นสูงและการค้นคว้าวิจัย

  1. การกำหนดนโยบายและแผนการจัดการศึกษาต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการจัดการศึกษาของใคร
    ก. สถานศึกษาของรัฐ
    ข. สถานศึกษาเอกชน
    ค. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
    ง. สถาบันศาสนา

เฉลย ข. สถานศึกษาเอกชน
ตามมาตรา 45 การกำหนดนโยบายและแผนการจัดการศึกษาของรัฐต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการจัดการศึกษาของเอกชน

  1. ข้อใดไม่ใช่แหล่งที่มาของเงินกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
    ก. เงินอุดหนุนจากรัฐ
    ข. ค่าสัมปทาน
    ค. ค่าธรรมเนียมการศึกษา
    ง. ผลกำไรจากสื่อสารมวลชน

เฉลย ค. ค่าธรรมเนียมการศึกษา
ตามมาตรา 68 กองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษามาจากเงินอุดหนุนของรัฐ ค่าสัมปทาน และผลกำไรจากสื่อสารมวลชน

  1. ข้อใดเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
    ก. กำหนดนโยบายการศึกษาระดับชาติ
    ข. ประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษา
    ค. กำกับดูแลสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตพื้นที่
    ง. ออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู

เฉลย ค. กำกับดูแลสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตพื้นที่
ตามมาตรา 38 คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษามีหน้าที่กำกับดูแลสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตพื้นที่

  1. การจัดการอาชีวศึกษาสามารถจัดได้ในสถานที่ใดบ้าง
    ก. เฉพาะสถานศึกษาของรัฐ
    ข. สถานศึกษาของรัฐและเอกชน
    ค. สถานศึกษาและสถานประกอบการ
    ง. สถานศึกษาของรัฐ เอกชน และสถานประกอบการ

เฉลย ง. สถานศึกษาของรัฐ เอกชน และสถานประกอบการ
ตามมาตรา 20 การจัดการอาชีวศึกษาให้จัดในสถานศึกษาของรัฐ สถานศึกษาของเอกชน สถานประกอบการ หรือโดยความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับสถานประกอบการ

  1. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา
    ก. พัฒนาเกณฑ์การประเมิน
    ข. จัดให้มีการประเมินคุณภาพภายนอก
    ค. จัดทำรายงานการประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาประจำปี
    ง. ประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษา

เฉลย ง. ประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษา
ตามมาตรา 49 สมศ. มีหน้าที่พัฒนาเกณฑ์ วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และจัดให้มีการประเมินคุณภาพภายนอก

  1. สถานศึกษาขั้นพื้นฐานต้องจัดทำสาระของหลักสูตรในส่วนที่เกี่ยวกับอะไร
    ก. นโยบายของรัฐ
    ข. มาตรฐานการศึกษาชาติ
    ค. สภาพปัญหาในชุมชนและสังคม
    ง. การพัฒนาประเทศ

เฉลย ค. สภาพปัญหาในชุมชนและสังคม
ตามมาตรา 27 ให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานจัดทำสาระของหลักสูตรในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม

  1. ข้อใดเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสถานศึกษา
    ก. บริหารงานบุคคล
    ข. จัดทำหลักสูตรสถานศึกษา
    ค. ประเมินผลการปฏิบัติงานของครู
    ง. กำกับและส่งเสริมกิจการของสถานศึกษา

เฉลย ง. กำกับและส่งเสริมกิจการของสถานศึกษา
ตามมาตรา 40 คณะกรรมการสถานศึกษามีหน้าที่กำกับและส่งเสริมสนับสนุนกิจการของสถานศึกษา

  1. รัฐต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษาในรูปแบบใด
    ก. เงินเดือนครูเท่านั้น
    ข. อาคารสถานที่เท่านั้น
    ค. เงินอุดหนุนรายหัวเท่านั้น
    ง. เงินอุดหนุนทั่วไป กองทุน และทุนการศึกษา

เฉลย ง. เงินอุดหนุนทั่วไป กองทุน และทุนการศึกษา
ตามมาตรา 60 รัฐต้องจัดสรรงบประมาณในรูปแบบต่างๆ เช่น เงินอุดหนุนทั่วไป กองทุน และทุนการศึกษา

  1. สถานศึกษาขั้นพื้นฐานต้องดำเนินการจัดทำรายงานใดเป็นประจำทุกปี
    ก. รายงานการเงิน
    ข. รายงานผลการเรียน
    ค. รายงานการประกันคุณภาพภายใน
    ง. รายงานแผนพัฒนาการศึกษา

เฉลย ค. รายงานการประกันคุณภาพภายใน
ตามมาตรา 48 ให้สถานศึกษาจัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับการประกันคุณภาพภายในเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด

  1. การจัดการศึกษาสำหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกายต้องจัดอย่างไร
    ก. จัดให้เรียนร่วมกับเด็กปกติ
    ข. จัดให้เรียนในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ
    ค. จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ
    ง. จัดการศึกษาตามความสมัครใจ

เฉลย ค. จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ
ตามมาตรา 10 บุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกายมีสิทธิและโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ

  1. ข้อใดเป็นหลักการสำคัญในการจัดระบบโครงสร้างและกระบวนการจัดการศึกษา
    ก. รวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง
    ข. มีเอกภาพด้านนโยบายและหลากหลายในการปฏิบัติ
    ค. ให้ท้องถิ่นจัดการศึกษาเอง
    ง. ให้เอกชนเป็นผู้จัดการศึกษา

เฉลย ข. มีเอกภาพด้านนโยบายและหลากหลายในการปฏิบัติ
ตามมาตรา 9 การจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา ให้ยึดหลักมีเอกภาพด้านนโยบายและมีความหลากหลายในการปฏิบัติ

ครูเชียงราย ขอให้ทุกท่าน ทุกคนที่อ่านศึกษาข้อสอบชุดนี้ สอบผ่าน ได้คะแนนเยอะๆ ได้บรรจุดังที่ตั้งใจไว้นะครับ

ชุดข้าราชการ หญิงแขนสั้น
ชุดกากี
สั่งซื้อได้เลยจาก Shopee

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *