ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 12/2566 วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน 2566 โดยมี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุม และมี รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นเลขานุการการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและมีมติที่สำคัญ ดังนี้
1. เห็นชอบหลักการและกรอบแนวคิดในการจัดทำ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
สืบเนื่องจากที่สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้เล็งเห็นถึงปัญหาในกระบวนการยื่นคำร้องขอย้ายและการพิจารณาย้ายข้าราชการครูฯ ที่ยังคงใช้รูปแบบการพิจารณาเอกสารหลักฐานจำนวนมาก ครูต้องเดินทางไปยื่นคำร้องขอย้ายด้วยตนเองที่ต้นสังกัด ซึ่งทำให้เกิดการปัญหาการทิ้งห้องเรียนตามมา รวมถึงมีเสียงสะท้อนจากสังคมที่ชี้ว่ากระบวนการย้ายครูไม่โปร่งใสเท่าที่ควร ดังนั้น ก.ค.ศ. จึงได้ดำเนินการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายฯ ตำแหน่งครู ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.4/ว 18 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 (ว 18/2566) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2567 โดยกำหนดให้มีการยื่นคำร้องขอย้ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และกำหนดให้ส่วนราชการกำหนดตัวชี้วัดให้เป็นปรนัยเพื่อลดการใช้ดุลพินิจ นอกจากนี้ยังถือเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ เรื่อง “ครูและบุคลากรทางการศึกษาคืนถิ่น” ที่ต้องการให้เกิดเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบาย ให้ครูได้ย้ายกลับมาอยู่ที่ภูมิลำเนาด้วยกระบวนการที่โปร่งใส ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง ดังนั้น เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายฯ บรรลุผล และเพื่อประโยชน์สูงสุดในการดำเนินการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ก.ค.ศ. จึงได้มีมติเห็นชอบหลักการและกรอบแนวคิดในการจัดทำ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้สำนักงาน ก.ค.ศ. เป็นผู้จัดทำระบบการย้ายทางอิเล็กทรอนิกส์ และให้นำความเห็นของที่ประชุมไปประกอบการพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ต่อไป
ทั้งนี้ การพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ดังกล่าว จะทำให้กระบวนการย้ายมีความโปร่งใส เป็นธรรม มีตัวชี้วัดในการพิจารณาย้ายที่เป็นมาตรฐานเดียวกันและสอดคล้องกับบริบทของส่วนราชการ รวมทั้งข้าราชการครูจะมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานที่ได้ย้ายกลับภูมิลำเนา เพื่อดูแลบิดามารดา หรือเพื่ออยู่ร่วมกับครอบครัว ลดภาระค่าใช้จ่ายและหนี้สิน สถานศึกษามีข้าราชการครูไปปฏิบัติงานเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่องและสถานศึกษาได้ครูทันเปิดเทอม
2. เห็นชอบมอบหมายให้ เลขาธิการ ก.ค.ศ. เพื่อเป็นผู้แทนคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในคณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการขับเคลื่อนมาตรฐานทางจริยธรรม
3. รับทราบคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด กรณีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีผลงานดีเด่นที่ประสพผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์มีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ ทุกตำแหน่ง (ว 13/2556)
จากการที่มีผู้ขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. กรณีไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 13/2556 บางรายได้ยื่นฟ้อง ก.ค.ศ. ต่อศาลปกครอง ให้เพิกถอนมติ ก.ค.ศ. ที่ให้ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 13/2556 และให้ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 13/2556 นั้น ขณะนี้ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องแล้ว จำนวน 2 ราย และวินิจฉัยว่า การพิจารณาของ ก.ค.ศ. เป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบด้วยหลักเกณฑ์และเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ซึ่งประเด็นที่ยื่นฟ้องเป็นประเด็นเดียวกันกับประเด็นที่ผู้ขอทบทวนส่วนใหญ่ นำไปยื่นฟ้อง ก.ค.ศ. ต่อศาลปกครอง ดังนั้น สำนักงาน ก.ค.ศ. จึงได้แจ้งคำพิพากษาดังกล่าว ให้ศาลปกครองทุกแห่งที่มีผู้นำประเด็นนี้ไปฟ้องคดี เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาคดีที่เหลืออยู่แล้ว
อ้างอิง https://otepc.go.th/th/content_page/item/4716-12-2566.html