ทำความเข้าใจ วPA 3 ด้าน 15 ตัวชี้วัด แชร์ TIP เขียน วPA จากโรงเรียนนำร่อง ทำความเข้าใจ วPA 3 ด้าน 15 ตัวชี้วัด แชร์ TIP เขียน วPA จากโรงเรียนนำร่อง

ทำความเข้าใจ วPA 3 ด้าน 15 ตัวชี้วัด แชร์ TIP เขียน วPA จากโรงเรียนนำร่อง

ทำความเข้าใจ วPA 3 ด้าน 15 ตัวชี้วัด แชร์ TIP เขียน วPA จากโรงเรียนนำร่อง

ในการประเมิน วPA ส่วนใหญ่จะเป็นการมองในห้องเรียน ซึ่งครูจะอยู่ในห้องเรียนและอยู่กับนักเรียนมากขึ้น ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน นักเรียนจะได้รับการพัฒนาทักษะและสมรรถนะอย่างเต็มที่ 

3 ด้าน 15 ตัว ชี้ วัด วpa

ข้อกําหนดพื้นฐานที่ต้องปฏิบัติให้ได้หรือคุณสมบัติผู้ขอรับการประเมิน
– มีชั่วโมงปฏิบัติงานสอนไม่น้อยกว่า 15 คาบต่อสัปดาห์

หลักฐานอ้างอิง คำสั่งมอบหมายการปฏิบัติงาน ตารางสอน
– ไม่ถูกลงโทษทางวินัย

หลักฐานอ้างอิง ข้อมูลการปฏิบัติงาน ขาด ลา มาสาย ไม่เกินกว่าที่ระเบียบกําหนดไว้ กพ.7

ส่วนที่ 1 คุณภาพการปฏิบัติงานตามมาตรฐานตําแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะ

ด้านที่ 1 ด้านการจัดการเรียนการสอน

ตัวชี้วัดที่ 1 สร้างและหรือพัฒนาหลักสูตรโดยจัดทํารายวิชาและหน่วยการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ ตามหลักสูตรให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เต็มศักยภาพ
หลักฐานอ้างอิง
1.วิเคราะห์หลักสูตร มาตรฐานการเรียนรู้และ ตัวชี้วัด และหรือผลการเรียนรู้
2.การปรับประยุกต์หลักสูตรรายวิชาและหน่วย การเรียนรู้ให้สอดคล้องกับบริบทของ  สถานศึกษา
3.การประเมินผลการใช้หลักสูตรอย่างเป็นระบบ
4.การร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านหลักสูตร

ตัวชี้วัดที่ 2 ปฏิบัติการสอนโดยออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ ให้ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะ คุณลักษณะประจําวิชา คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะตามหลักสูตร
หลักฐานอ้างอิง
1.ออกแบบหน่วยการเรียนรู้โดยการปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา
2.มีกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีการปฏิบัติ เช่น การจัดการเรียนการสอนรูปแบบ Active Learning
3.ประเมินผลการใช้หน่วยการเรียนรู้
4.แบบฟอร์มเป็นพี่เลี้ยงและเป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบหน่วยการเรียนรู้

ตัวชี้วัดที่ 3 จัดกิจกรรมการเรียนรู้ อํานวยความสะดวกในการเรียนรู้ และส่งเสริมผู้เรียน ได้พัฒนาเต็มศักยภาพ ได้เรียนรู้และทํางานร่วมกัน
หลักฐานอ้างอิง
1.วิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล
2.จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้
3.มีบันทึกหลังสอนที่สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้
4. แบบฟอร์มเป็นพี่เลี้ยงและเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

ตัวชี้วัดที่ 4 สร้างและหรือพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้ที่สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดและการสร้างนวัตกรรมได้
หลักฐานอ้างอิง
1.สร้างและพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีทางการศึกษาและแหล่งเรียนรู้ นำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้
2.แบบฟอร์มการประเมินผลการใช้สื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีทางการศึกษาและแหล่งเรียนรู้
3.นำสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีทางการศึกษาและแหล่งเรียนรู้ไปเผยแพร่
4. แบบฟอร์มเป็นพี่เลี้ยงและเป็นที่ปรึกษาด้านการ สร้างและหรือพัฒนาสื่อ

ตัวชี้วัดที่ 5 วัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้วยวิธีการที่หลากหลายเหมาะสมและสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ให้ผู้เรียนพัฒนาการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
หลักฐานอ้างอิง
1.สร้างและพัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินผลที่หลากหลาย
2.มีการประเมินตามสภาพจริง
3.มีการประเมินคุณภาพของเครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้
4. แบบฟอร์มเป็นพี่เลี้ยงและเป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบหน่วยการเรียนรู้

ตัวชี้วัดที่ 6 ศึกษาวิเคราะห์ สังเคราะห์ และหรือวิจัยเพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน
หลักฐานอ้างอิง
1.ใช้กระบวนการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาและหรือพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน
2.นำผลการแก้ปัญหาหรือการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน
3.นำผลการวิจัยไปใช้หรือให้คำแนะนำต่อผู้อื่นได้

ตัวชี้วัดที่ 7 จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้เกิดกระบวนการคิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางาน ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี
หลักฐานอ้างอิง
1.จัดสภาพแวดล้อม บรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ มีความปลอดภัย และมีความสุข
2.ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิด มีทักษะชีวิตและทักษะการทำงาน
3.มีการอบรมบ่มนิสัยให้ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ค่านิยมที่ดีงาม
4. เสริมแรงให้ผู้เรียนมีความมั่นใจในการพัฒนาตนเองเต็มตามศักยภาพ เกิดแรงบันดาลใจ
5. แบบฟอร์มเป็นพี่เลี้ยงและเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน

ด้านที่ 2 การส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนรู้

ตัวชี้วัดที่ 8 จัดทําข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนและรายวิชา เพื่อใช้ในการส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียน
หลักฐานอ้างอิง
1.จัดทำข้อมูลสารสนเทศและเอกสารประจำชั้นเรียนหรือประจำวิชาอย่างเป็นระบบ
2.มีใช้สารสนเทศในการเสริมสร้างและพัฒนาผู้เรียน
3. ให้คำปรึกษาแก่ครูในสถานศึกษา ด้านการจัดทำข้อมูลสารสนเทศ
4. แบบฟอร์มเป็นพี่เลี้ยงและเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดทำข้อมูลสารสนเทศ
ตัวชี้วัดที่ 9 ดําเนินการตามระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียนโดยใช้ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับผู้เรียนรายบุคคล และประสานความร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อพฒั นาและแก้ปัญหาผู้เรียน
หลักฐานอ้างอิง
1.รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์  สังเคราะห์ จัดทำและใช้สารสนเทศของผู้เรียน
2.จัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ด้วยวิธีการที่หลากหลาย
3.ส่งเสริม ป้องกัน และแก้ปัญหาผู้เรียนอย่างเป็นระบบ
4.นำไปประยุกต์ใช้ในสถานศึกษาที่มีบริบทใกล้เคียง
ตัวชี้วัดที่ 10 ร่วมปฏิบัติงานทางวิชาการ และงานอื่นๆ ของสถานศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา
หลักฐานอ้างอิง
1.คำสั่งปฏิบัติงานด้านวิชาการ เช่น การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การจัดทำหลักสูตร เป็นต้น
ตัวชี้วัดที่ 11 ประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย และหรือสถานประกอบการเพื่อร่วมพัฒนาผู้เรียน
หลักฐานอ้างอิง
1.การประชุมผู้ปกครอง ชุมชน
2.การเชิญวิทยากรภายนอกมาให้ความรู้กับผู้เรียน

ด้านที่ 3. ด้านการพัฒนาตนเองและพัฒนาวิชาชีพ

ตัวชี้วัดที่ 12 พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษา สมรรถนะวิชาชีพครู ความรอบรู้ในเนื้อหาและวิชาที่สอน
หลักฐานอ้างอิง
1.จัดทำแผนพัฒนาตนเองที่สอดคล้องกับสภาพการปฏิบัติงาน (ID-PLAN)
2.เข้ารวมการอบรมหรือพัฒนาตนเองตามแผน
3.นำความรู้ ความสามารถและทักษะที่ได้จากการพัฒนาตนเองมาพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
4.เป็นแบบอย่างที่ดีและเป็นผู้นำ

ตัวชี้วัดที่ 13 มีส่วนร่วมและเป็นผู้นําในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้
หลักฐานอ้างอิง
1.จัดทำชุมชนแหน่งการเรียนรู้ PLC

ตัวชี้วัดที่ 14 นําความรู้ ความสามารถและทักษะที่ได้จากการพัฒนาตนเองและวิชาชีพมาใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ พัฒนาคุณภาพผู้เรียน รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมการจัดการ เรียนรู้
หลักฐานอ้างอิง
1.นำองค์ความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน
2.สร้างนวัตกรรมที่ได้จากการเข้าร่วมในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
3.สร้างนวัตกรรมทางการเรียนรู้ในสถานศึกษา
4.เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อวงการวิชาชีพ

ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เสนอเปน็ ประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน

ตัวชี้วัดที่ 15
ตัวอย่างหลักฐานการอ้างอิง
1. นักเรียนทุกคนในรายวิชามีผลการเรียนรวมเฉลี่ยในแต่ละรายวิชาไม่น้อยกว่าค่าเป้าหมายที่โรงเรียนตั้งไว้ ระบุค่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ …………………………………………………………………..

2. จัดทํา Platform ทุกรายวิชาที่สอน และมีอย่างน้อย 1 วิชาที่มีองค์ประกอบครบถ้วน
รายวิชาที่ประสงค์จะรับการประเมินคือ รายวิชา………………………………………..รหัส………………………… ชั้น………………………….. โดยต้องมีองค์ประกอบดังนี้
2.1 สร้าง Programmed Instruction ครูจัดทําบทเรียนสําเร็จรูป
2.2 สร้าง ห้องเรียนออนไลน์ สร้างแหล่งเรียนรู้ผ่านระบบ ห้องเรียนออนไลน์ ของโรงเรียน
2.3 สร้าง Classroom ออนไลน์ โดยเลือกใช้ Platforms ตามความเหมาะสม
2.4 สร้าง Channel ประจํารายวิชา
2.5 แหล่งเรียนรู้เพิ่มเติมอื่น ๆ ในระบบ ห้องเรียนออนไลน์ ของโรงเรียนอย่างน้อย 1 รายวิชา

3. มีภาระงานฝ่าย/โครงการ/กิจกรรม/ชุมนุมที่รับผิดชอบ และมีการจัดทําโครงงานนวัตกรรมอย่างน้อย 1 โครงงาน โปรดระบุกิจกรรมที่ท่านเลือก………………………………………………

4. บรรลุผลสําเร็จตามตัวชี้วัดในมาตรฐานที่ 4 (KPA) ในระบบประกันคุณภาพ ตามระดับชั้นที่ตนเองรับผิดชอบ โปรดระบุสาระการเรียนรู้ที่ท่านรับผิดชอบ…………………………………………………………………..ระดับชั้น…………………………………………………………………………………………………………..

5. ห้องเรียนประจําชั้น สะอาด สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย โปรดระบุห้องประจําชั้นของท่าน ชั้น ……………………………………..ห้อง………………………………………………………………..

6. มีการบริหารจัดการห้องพักครูกลุ่มสาระการเรียนรู้/ห้องศูนย์การเรียนรู้/ห้องเรียนที่รับผิดชอบและบริเวณโดยรอบให้มีความสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย มีการนําเสนอข้อมูล/องค์ความรู้/ข่าวประชาสัมพันธ์ที่เป็นปัจจุบัน โปรดระบุจุดที่ท่านดูแลรับผิดชอบ…………………………………………………………………………………………………..


แชร์ TIP เขียน วPA จากโรงเรียนนำร่อง

“เปลี่ยนวิธีคิด พลิกความเชื่อ ด้วยระบบวิทยฐานะแบบใหม่”

อย่างที่ทราบว่าก่อนที่ ก.ค.ศ. จะนำแบบประเมินวิทยฐานะ วPA แบบใหม่มาใช้กับครูทั่วประเทศ ได้มีการนำไปทดลองใช้กับโรงเรียนนำร่องในพื้นที่ต่างๆ แล้ว เพื่อให้ได้เกณฑ์ แบบประเมินที่มีมาตรฐานตรงตามเป้าหมายในการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดคุย แนะแนวทางสร้างความเข้าใจในจุดเน้นที่สำคัญของการเขียน PA จากประสบการณ์จริงกับคุณครูชาญชัย ก้อใจ โรงเรียนบ้านห้วยไร่สามัคคี จังหวัดเชียงราย 1 ในโรงเรียนนำร่อง เพื่อเป็นแนวทางในการเขียนประเมินวิทยฐานะแบบใหม่ หรือ วPA ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและตรงตามเป้าหมาย

วPA เป็นภาระงานเพิ่มจริงหรือไม่

วPA เป็นบันทึกข้อตกลงในการพัฒนางาน ซึ่งเป็นงานที่ครูทำในโรงเรียนเป็นประจำ ไม่ได้เป็นภาระงานที่เพิ่มแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน งานสนับสนุนหรือการพัฒนาวิชาชีพของตนเอง ทั้ง 3 หัวข้อนี้อยู่ในตำแหน่งมาตรฐานครูที่ ก.ค.ศ. กำหนดซึ่งเป็นการจัดระบบงานให้สามารถตามงานด้วยตนเองได้

เขียน PA (งาน ผลลัพธ์ และตัวชี้วัด) อย่างไรให้ครอบคลุม

ก่อนที่จะมาทำ วPA จะต้องมีกรอบแนวคิดในการเขียน วPA ว่าบริบทโรงเรียนเป็นอย่างไร จากการประชุมหารือในรูปแบบ PLC โดยศึกษาข้อมูลจาก SAR ของสถานศึกษา มาตรฐานการศึกษา แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา แผนปฏิบัติการประจำปีตามแผนยุทธศาสตร์ สังคมและสภาพแวดล้อมของสถานศึกษา ปัญหาในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และปัญหาด้านผู้เรียน ซึ่งในการเขียน PA จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน 

ส่วนแรก คือ ภาระงานของครูเป็นส่วนที่ยากที่สุด เนื่องจากเป็นส่วนที่ปฏิบัติตามมาตรฐาน 3 ด้าน 15 ตัวชี้วัด ส่วนที่ 2 คือ ประเด็นท้าทาย 

โดยในส่วนที่ 1 ภาระงานที่เป็นไปตาม ก.ค.ศ. เป็นจำนวนชั่วโมงสอนที่กำหนดไว้ว่า “ไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และรวมกับภาระงานอื่นแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์” สำหรับครูที่มีรายวิชาที่สอนน้อยกว่าที่กำหนด สามารถนำงานอื่นๆ มารวมได้ไม่ต่ำกว่า 20 ชั่วโมง เช่น งานส่งเสริมสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ (กิจกรรม PLC การรวมกลุ่มทำสื่อ จัดสอนซ่อมเสริม ฯล) งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา (งานที่ได้รับผิดชอบนอกเหนืองานสอน เช่น หัวหน้างาน หัวหน้ากลุ่มสาระฯ ซึ่งภาระงานและจำนวนชั่วโมงจะอยู่ในประกาศของโรงเรียน) งานตอบสนองนโยบาย (งานที่เป็นนโยบายของสพฐ. หรือกระทรวงฯ ที่ครูได้รับมอบหมาย) 

ส่วนที่ 2 งานที่ปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่งครู มีอยู่ 3 ด้าน คือ ด้านการจัดการเรียนรู้ มี 8 ตัวชี้วัด ยกตัวอย่างเช่น ตัวชี้วัดที่ 1 สร้างหรือพัฒนาหลักสูตร อาจจะดำเนินโดยการนำหลักสูตรมาทำเป็นโครงสร้างหลักสูตรใหม่ในทักษะด้านต่างๆ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือผู้เรียนสามารถเรียนรู้ตามโครงสร้างหลักสูตร ตัวชี้วัดคือโครงสร้างหลักสูตรที่มีการพัฒนาและนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้กับนักเรียน ถือได้ว่าตัวชี้วัดของตัวชี้วัดที่ 1 เป็นโครงสร้างที่มีการพัฒนาและนำไปใช้ ตัวชี้วัดที่ 2 การออกแบบการจัดการเรียนรู้ ส่วนใหญ่จะเป็นการเขียนแผนการสอน แต่ยังสามารถใช้รูปแบบกระบวนการเรียนการสอนเป็นตัววัดได้ด้วย ผลลัพธ์สู่ผู้เรียน คือ ผู้เรียนได้รับการพัฒนาจากการออกแบบ/กระบวนการในการจัดการเรียนรู้ ตัวชี้วัดที่ 4 สร้างเครื่องมือหรือพัฒนาสื่อนวัตกรรม เทคโนโลยีและแหล่งเรียนรู้ ตัวชี้วัดนี้สามารถวัดได้ 3 งาน ทั้งการวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ ทั้งศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหาหรือพัฒนากระบวนการเรียนรู้ด้วย ซึ่งตัวชี้วัดที่ 6 ศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหาหรือพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ครูส่วนใหญ่คิดว่าคืองานวิจัย ถ้าครูมีความสามารถทางด้านงานวิจัยสามารถเขียนเป็นงานวิจัยได้ แต่สำหรับครูที่ไม่ถนัดงานวิจัย อาจจะเขียนว่าจะประมวลความรู้หลังจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน วิเคราะห์ สังเคราะห์ แก้ปัญหากระบวนการจัดการเรียนรู้ โดยสรุปและนำเสนอเป็นแผ่นภาพ กราฟ หรือบรรยายให้กับนักเรียนชั้นเรียนและมีกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันของครูและนักเรียน สิ่งที่ได้คือนักเรียนและครูได้ร่วมสรุปองค์ความรู้ของเนื้อหาและวิชาที่สอน รวมไปถึงปัญหาและแนวทางในการจัดกิจกรรมการสอนในครั้งต่อไปอย่างไร แต่ถ้าครูอยากทำวิจัยในชั้นเรียนก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ครูต้องทำการระบุจำนวนในการทำวิจัยในแต่ละภาคเรียน ตัวชี้วัดที่ 1.7 จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน ส่วนใหญ่จะมองว่าห้องเรียนสะอาด น่าอยู่ แต่การปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างของครูผู้สอน ถือว่าเป็นบรรยากาศในการส่งเสริมพัฒนาผู้เรียนเช่นกัน ผลลัพธ์นักเรียนได้รับแบบอย่างในการปฏิบัติตนและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ตัวชี้วัด วัดได้จากปฏิบัติตนตามแบบอย่างและมีความสุขในการเรียนรู้ภายในห้องเรียน โดยมีผลงานนักเรียนและชิ้นงานของนักเรียนเป็นที่ประจักษ์ และตัวชี้วัดที่ 1.8 อบรมและพัฒนาคุณลักษณะที่ดีของผู้เรียน อาจจะเสริมด้วยกิจกรรม เสริมทักษะพัฒนานักเรียน เช่น จัดโครงการเสริมอาชีพระยะสั้น ค่ายเสริมทักษะ พัฒนาคุณลักษณะของนักเรียน เป็นต้น

ด้านการส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ มี 4 ตัวชี้วัด ดังนี้ ตัวชี้วัดที่ 1 จัดทำข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนและรายวิชา ซึ่งเป็นงานของครูประจำชั้น ครูประจำวิชา ส่วนผลลัพธ์ได้อะไรจากการจัดทำข้อมูลสารสนเทศ นั่นก็คือนักเรียนได้รับการช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องจากการที่มีผลบันทึกไว้ดีหรือไม่ หรือว่าควรปรับปรุง แก้ไขอย่างไรกับตัวผู้เรียน ทั้งนี้ สามารถนำมาช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาผู้เรียนได้ ไม่ว่าจะเป็นผลสัมฤทธิ์ พฤติกรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์หรือสมรรถนะที่ปรากฎเป็นตัววัดอยู่ในเอกสารต่างๆ ตัวชี้วัดที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียนในชั้นเรียนที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น ตัวชี้วัดที่ 2 ดำเนินการตามระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน ซึ่งเป็นงานปกติของครูในการคัดกรองนักเรียนเป็นรายบุคคล ผลลัพธ์สามารถแบ่งกลุ่มนักเรียนตามระดับความรู้ความสามารถของนักเรียน ตัวชี้วัดจัดกลุ่มผู้เรียนที่มีความแตกต่าง ด้านการเรียนรู้ให้ได้รับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้เพิ่มสูงขึ้น ตัวชี้วัดที่ 3 ปฏิบัติงานวิชาการและงานอื่นๆ ของสถานศึกษา ตัวชี้วัดที่ 4 ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง ภาคี เครือข่าย และสถานประกอบการ เป็นการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคีเครือข่าย เช่น กิจกรรมประชุมผู้ปกครอง กิจกรรมเยี่ยมบ้านนักเรียน สรรหาสถานประกอบการฝึกประสบการณ์วิชาชีพให้กับผู้เรียน เป็นต้น

ด้านพัฒนาวิชาชีพ ตัวชี้วัดที่ 1 พัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ครูแต่ละคนอาจจะศึกษาพัฒนาตนเองต่างสาขาวิชาที่ตัวเองรับผิดชอบ ซึ่งใน วPA จะไม่มีการเก็บจำนวนชั่วโมงแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ นักเรียนได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ จากการพัฒนาของครู ได้รับการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กระบวนการต่างๆ จากการเข้าร่วมอบรมเชิงวิชาการของครูผู้สอน ตัวชี้วัดนักเรียนได้รับการพัฒนาทักษะอาชีพจากการพัฒนาตนเองของครู ทั้งนี้ ยังมีตัวชี้วัดที่สำคัญในการพัฒนาทักษะอาชีพ คือ การมีส่วนร่วมและเป็นผู้นำในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หรือการเข้าร่วมกิจกรรม PLC เพื่อแก้ไขปัญหาของการจัดการเรียนรู้ ดังนั้น PLC ยังอยู่และจำเป็นต้องมีในโรงเรียน แต่แค่ไม่เก็บชั่วโมง PLC เพราะว่าครูทุกคนย่อมมีปัญหาแตกต่างกัน การระดมความคิดของครูผ่านการร่วมกิจกรรม PLC เป็นแนวทางในการแก้ปัญหานักเรียนและปรับปรุงพัฒนากระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ดังนั้น ถ้าหากครูต้องการจะเลื่อนวิทยฐานะ สามารถใช้กิจกรรม PLC บรรยายนำเสนอในรูปแบบวิดีโอประมาณ 10 นาทีได้ อีกงานหนึ่งการเข้าร่วมนิเทศชั้นเรียนของเพื่อนครู เป็นการเปลี่ยนการนิเทศเพื่อนครู ผลลัพธ์เพื่อเรียนรู้ ศึกษาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของเพื่อนครู และนำมาปรับปรุงพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียนที่ครูสอน ตัวชี้วัด นำจุดเด่นจากการนิเทศชั้นเรียนมาพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนและแก้ไขปัญหาจุดด้อยจากการได้รับการนิเทศการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจากเพื่อนครู

ทั้งนี้ ในการเขียนผลลัพธ์ต้องเขียนแบบเจาะลึก ปรับให้แคบลง จะทำให้การประเมินง่ายขึ้น แต่ถ้าเขียนรูปแบบกว้างๆ การประเมินจะยาก ทั้งนี้ 1 ตัวชี้วัด สามารถประเมินได้ 2 งาน ทั้งงานออกแบบจัดการเรียนรู้และงานจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วย เพื่อเป็นการลดภาระในการประเมิน ในส่วนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สามารถเขียนได้ว่าจัดกิจกรรมอย่างไร โดยการอธิบายให้กระชับถึงวิธีการ/กระบวนการในการจัดกิจกรรมเรียนรู้อย่างไร และผลลัพธ์สู่ผู้เรียนอย่างไร ซึ่งขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละโรงเรียน

ส่วนที่ 2 คือ ประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียน เขียนอย่างไรให้ตอบโจทย์ตำแหน่งวิทยฐานะ และสามารถพัฒนาเด็กได้จริง

ในส่วนที่ 2 ทาง ก.ค.ศ. ได้กำหนดของแบบการเขียน วPA ต้องแสดงให้เห็นถึงการริเริ่ม พัฒนา การจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของนักเรียน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น สำหรับครูที่อยู่ในระดับไม่มีวิทยฐานะ แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุง ประยุกต์ ครูชำนาญการแสดงให้เห็นถึงการแก้ไขปัญหา ครูชำนาญการพิเศษแสดงให้เห็นถึงการริเริ่ม พัฒนา ครูเชี่ยวชาญแสดงให้เห็นถึงการคิดค้น พัฒนานวัตกรรมและปรับเปลี่ยน และครูเชี่ยวชาญพิเศษแสดงให้เห็นถึงการสร้างการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ในการเขียนจะต้องสามารถตอบโจทย์ในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนของผู้เรียนอย่างชัดเจน ด้านวิธีการดำเนินการให้บรรลุผลเป็นการเขียนวิธีการดำเนินการกระบวนการตลอดภาคเรียนในรูปแบบใด ซึ่งแสดงถึงหลักฐานในการทำงานเป็นกระบวนการอย่างชัดเจน ในส่วนผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวังมาจากจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ของโครงการ

การเขียน PA จะขึ้นอยู่กับวงรอบหนึ่งของปีงบประมาณ ซึ่งจะคาบเกี่ยว 2 ปีการศึกษา ซึ่งประเด็นท้าทายจะต้องทำกับเด็กทั้ง 2 ภาคเรียนหรือไม่ อย่างไร

ในการเขียน PA ส่วนตัวไม่ได้เขียนปีการศึกษา เนื่องจากพัฒนาด้วยกระบวนการซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทั้ง 2 ภาคเรียนในแต่ละปีการศึกษาได้ นอกจากเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. ได้มีข้อกำหนดว่า กรณีที่ครูเปลี่ยนกลุ่มสาระฯ เปลี่ยนผู้อำนวยการ หรือย้ายสถานศึกษาจะต้องทำการเขียน PA ใหม่

ความอิสระในการตั้งกรอบ PA จำเป็นที่จะต้องใช้รูปแบบที่เหมือนกันหรือไม่

ไม่จำเป็น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริบทของนักเรียนและโรงเรียน ซึ่งอาจจะนำรูปแบบของครูท่านอื่นเป็นแนวทางในการเขียนได้

เคล็ดลับในการเขียน PA ในแบบของครูชาญชัย ก้อใจ

1) มองย้อนถึงปัญหา 

2) ตั้งเป้าหมายที่อยากให้เกิดขึ้น 

3) ปรับทัศนคติของตัวเองและ mindset 

4) สร้างกลุ่มเพื่อหาแนวทาง

การเปลี่ยนแปลงระบบการประเมินเป็น วPA ส่งผลดีต่อนักเรียนและโรงเรียนอย่างไร

ในการประเมิน วPA ส่วนใหญ่จะเป็นการมองในห้องเรียน ซึ่งครูจะอยู่ในห้องเรียนและอยู่กับนักเรียนมากขึ้น ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน นักเรียนจะได้รับการพัฒนาทักษะและสมรรถนะอย่างเต็มที่ ด้านโรงเรียน โรงเรียนมีคุณภาพ เมื่อนักเรียนได้รับการพัฒนาทักษะจากครู โรงเรียนย่อมมีนักเรียนที่มีคุณภาพมากขึ้น ตรงตามมาตรฐานของโรงเรียนและตามมาตรฐานชาติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบทของโรงเรียนด้วย

ที่มา https://www.starfishlabz.com/

  1. อยากให้แนะนำเอกสารประกอบสำหรับครูอปทให้ชัดเจนในแต่ตัวชี้วัด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *