บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะการวิจัยในชั้นเรียนของครู เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนเทศบาล 5 (กระดาษไทยอนุเคราะห์)
ชื่อผู้วิจัย สันติ พันธ์พุฒ
ปีที่ศึกษา 2566
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบ การนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะการวิจัยในชั้นเรียนของครู โรงเรียนเทศบาล 5 (กระดาษไทยอนุเคราะห์) 2. เพื่อสร้างรูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะการวิจัยในชั้นเรียนของครู เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนเทศบาล 5 (กระดาษไทยอนุเคราะห์) 3. เพื่อทดลองใช้รูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะการวิจัยในชั้นเรียนของครู เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนเทศบาล 5 (กระดาษไทยอนุเคราะห์) 4. เพื่อประเมินผลและถอดบทเรียนรูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะการวิจัยในชั้นเรียนของครู เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนเทศบาล 5 (กระดาษไทยอนุเคราะห์) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ครูโรงเรียนเทศบาล 5 (กระดาษไทยอนุเคราะห์) จำนวน 36 คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้ตารางของ Krejcie & Morgan (1970 : 607) จากการสุ่มอย่างง่าย จำนวน 169 คน เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ รูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะการวิจัยในชั้นเรียนของครู เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน แบบทดสอบ สังเกตพฤติกรรมการดำเนินการวิจัยในชั้นเรียนของครู แบบประเมินความสามารถในการเขียนรายงานการวิจัยในชั้นเรียน แบบประเมินความสามารถในการทำโครงงานของนักเรียน แบบสอบถามความพึงพอใจ และการถอดบทเรียน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t – test (dependent) การวิเคราะห์เนื้อหา และการถอดบทเรียนผลการวิจัยพบว่า
- วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน ควรมุ่งการนิเทศเพื่อส่งเสริมสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียนของครูเป็นประเด็นที่สำคัญมากในการพัฒนาครูให้สามารถพัฒนาตนเองและ การจัดการเรียนรู้ให้มีคุณภาพมากขึ้น ผ่านการวิจัยที่มาจากปัญหาจริงในห้องเรียน โดยมีการนิเทศเป็นกลไกสนับสนุน ให้ครูมีสมรรถภาพการวิจัยในชั้นเรียนของครู ในการวางแผน ดำเนินการ และประเมินผลการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนในบริบทจริงของตนเอง
- สร้างรูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะการวิจัยในชั้นเรียนของครู เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนเทศบาล 5 (กระดาษไทยอนุเคราะห์) ใช้รูปแบบ “SCIPA Model” ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนดังนี้ 1) Supervision : S การนิเทศแบบสังเกตการสอน เป็นการเข้าไปสังเกตการสอน สังเกตอย่างไม่เป็นทางการ ไม่เฉพาะเจาะจงจุดใดจุดหนึ่งหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยไม่ต้องมีการบอกล่วงหน้า 2) Classifying : C การวางแผนในแบ่งหมวดหมู่ครู การคัดกรองระดับความรู้ ความสามารถ ทักษะที่สำคัญเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้และการวิจัยในชั้นเรียน เพื่อจัดกลุ่มครู และเลือกวิธีการนิเทศที่เหมาะสมกับกลุ่มครูแต่ละกลุ่ม 3) Informing : I การให้ความรู้ก่อนการนิเทศ เกี่ยวกับการนิเทศการวิจัยในชั้นเรียน เทคนิควิธีสอนที่สอดคล้องกับความต้องการและปัญหาให้แก่ครู 4) Proceeding : P การดำเนินงาน ประกอบด้วย 3 ขั้น (1) การประชุมก่อนการสังเกตการสอน (Pre-Conference) (2) การสังเกตการสอน (Observation) (3) การประชุมหลังการสังเกตการสอน (Post- Conference) และ 5) Assessing : A การประเมินผลการนิเทศ โดยมีการกำกับ ติดตาม (Monitoring) ทุกขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินการนิเทศเกิดประสิทธิภาพ
- ทดลองใช้รูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะการวิจัยในชั้นเรียนของครู เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนเทศบาล 5 (กระดาษไทยอนุเคราะห์) โดยเปรียบเทียบความรู้ก่อนและหลังอบรม การนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะการวิจัยในชั้นเรียนของครู เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน (สำหรับครู) มีคะแนนก่อนการอบรมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 7.33 และหลังการอบรมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 16.86 และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนเฉลี่ยก่อนและหลังการอบรม พบว่ามีความต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01 เมื่อพิจารณาพบว่า คะแนนหลังการอบรมสูงกว่าก่อนการอบรม
- ประเมินผลและถอดบทเรียนรูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมสมรรถนะการวิจัยในชั้นเรียนของครู เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนเทศบาล 5 (กระดาษไทยอนุเคราะห์)
Please login or Register to submit your answer